วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2567

รีวิวหนัง The Dark Mother (2024) แม่ณุน

 


              The Dark Mother (2024) แม่ณุน เป็นภาพยนตร์สยองขวัญดราม่าจากกัมพูชาที่กำกับโดย Kou Darachan เขียนโดย Sorn Sreylin นำแสดงโดย Seng ChanLaiee และ Thul Makara

"ความตายมิอาจพรากความรักของแม่ที่มีต่อลูกได้"

              เรื่องราวเมื่อชายคนที่รักต้องไปทำภารกิจ จึงทำให้ต้องจากบ้านไปเป็นเวลาหลายเดือน ณุนสาวท้องแก่จึงต้องอยู่กับลูกอีก 3 คนตามลำพัง จนกระทั่งวันคลอด เธอต้องมาตายในขณะกำลังคลอดลูก ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นผีแต่ด้วยความเป็นห่วงลูกจึงยังเฝ้าวนเวียนดูแลลูกอยู่ตลอด จนชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัว และรังเกียจลูกๆ ของเธอไปด้วย

             ในระหว่างที่เด็กๆ ทั้ง 3 จะต้องใช้ชีวิตเอาตัวรอดไปวันๆ จากพฤติกรรมชาวบ้านที่ไม่มีใครเหลียวแลแถมพากันซ้ำเติมพวกเขา ผีแม่ณุนก็ต้องคอยดูแลไม่ให้ใครมารังแกลูกๆ ของเธอ และคอยรับมือกับหมอผีที่ชาวบ้านพามาปราบเธอด้วย พวกเขาต้องผ่านแต่ละวันไปให้ได้จนกว่าสามีของณุนจะกลับมาดูแลลูกๆ แทนเธอ...

            จากประเด็นที่เป็นกระแสเกี่ยวกับหนังจากกัมพูชาเพื่อนบ้านเรา ที่ว่ามีการลอกเลียนแบบหนังแม่นาคของไทยเรานั้น หลังจากรับชมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ลอกเลียนแบบเราหรอกครับ แต่คิดว่าใช้คำว่า 'ดัดแปลง'​ จะเหมาะกว่า เพราะหนังก็มีสิ่งที่เหมือนอยู่บ้าง เช่นการพลัดพรากกันระหว่างผัวเมีย การยืดมือไปเก็บสิ่งของ และการตายทั้งกลม การที่ทั้งหมู่บ้านพากันกลัวผีแม่ณุน นอกนั้นก็มีความต่างอยู่เหมือนกัน เช่นพล็อตเกี่ยวกับลูกทั้ง 3 คนของเธอ ที่เป็นตัวเพิ่มความแปลกใหม่และความ Drama ที่ดูจะน่าสงสารกว่าแม่นาคซะอีก

             มาว่ากันเกี่ยวกับหนังบ้าง ในแง่ของความน่ากลัวนี้ถือว่าน้อยมาก แต่ประเด็นความ Drama โดดเด่นแต่เสียอย่างเดียวตรงที่ยังไม่สามารถทำให้อินได้มากพอ เพราะไม่เข้าใจในบางตรรกกะการกระทำของตัวละคร เลยทำให้ส่วนของความ Drama ดูไม่อินทั้ง ๆ ที่หนังพยายามจัดส่วน Drama มาค่อนข้างถี่ ถ้าเรียบเรียงและใส่ใจให้คนดูอินมากกว่านี้หน่อย เชื่อว่ามีเสียน้ำตาแน่นอน

             อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้หนังน่าเบื่อคือการเล่าวนอยู่ในอ่างตั้งแต่กลางเรื่องลงมาจนใกล้ถึงไคลแมกซ์นั่นคือการขยี้ประเด็นความเป็นผีของแม่ณุนที่ต้องคอยไปหลอกหลอนชาวบ้าน ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้ดูน่ากลัว และการนำเสนอฉากเด็กๆ ทำกับข้าวไกวเปลเลี้ยงน้อง และพร่ำพรรณนาถึงแม่และชาวบ้านซ้ำ ๆ ไปมา หลายฉากเลย ซึ่งเข้าใจว่า ผกก. พยายามบิ๊วประเด็นนี้ แต่มันกลับกลายเป็นการย่ำอยู่กับที่มากกว่าการบิ๊วอารมณ์คนดูให้อิน

             อย่างไรก็ตามนี่เป็นหนังของประเทศกัมพูชาเพื่อนบ้านที่อยากให้คนไทยลองเปิดใจมองข้ามประเด็นดราม่า แล้วเข้าไปรับชมกันครับ อย่างน้อยก็จะได้เห็น สไตล์การทำหนังของประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นการเปิดมุมมองการดูหนังใหม่ ๆ บ้างครับ

คะแนนส่วนตัว 2.5/5

ตัวอย่าง


รีวิวโดย A.L. Lucky


ขอบคุณภาพจาก IMDb เครดิต Sastra Film รูปหน้าปกที่ 1 / รูปหน้าปกที่ 3

ขอบคุณภาพจาก Sastra Film รูปหน้าปกที่ 2

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ