วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2564

รวม รีวิวหนัง Joy Ride เกมหยอก หลอกไปเชือด

 

 
มีทั้งหมด 3 ภาค
 
1. Joy Ride 1 (2001) เกมหยอก หลอกไปเชือด ภาค 1
 
            เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญสยองขวัญอเมริกันที่กำกับโดย John Dahl และเขียนบทโดย J. J. Abrams และ Clay Tarver นำแสดงโดย Paul Walker และ Steve Zahn 
 
 รูปที่ 1 Joy Ride 1 (2001) เกมหยอก หลอกไปเชือด ภาค 1
 
            เรื่องราวของวัยรุ่นสามคนที่ขับรถเดินทางไปผจญภัยข้ามประเทศในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน โดยระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่นั้นพวกเขาคุยเล่นผ่านวิทยุรับส่งคลื่นสั้น แต่แล้วดันมีเสียงผู้ชายแทรกเข้ามา พร้อมกับโทรมาก่อกวนอยู่ตลอดเวลา พวกเขาจึงต้องพยายามโทรติดต่อขอความช่วยเหลือ ชายคนนั้นต้องการอะไรจากพวกเขากันนะ
 
           เปิดเรื่องฉายถึงตัวละครหลักที่กำลังคุยโทรศัพท์กันก่อนเดินทาง โดยช่วงที่เดินทางในช่วงแรกค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อย ซึ่งหลายฉากฉายนานเกิน โดยไม่ค่อยมีความจำเป็น พอเดาเรื่องได้บ้าง มีช่วงให้ลุ้นบ้างเป็นช่วง ๆ ดูแล้วชวนหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหนังจะเน้นไปที่การเดินทางแล้วถูกเสียงจากคนแปลกหน้าก่อกวนมากกว่า ซึ่งกว่าจะฉายถึงการเล่นเกมก็เป็นช่วงท้าย ๆ เรื่อง โดยในช่วงแรกก็ไม่มีเหตุผลจูงใจในการเล่นเกม
 
คะแนน 4/10
 
ตัวอย่าง

2. Joy Ride 2 Dead Ahead (2008) เกมหยอกหลอกไปเชือด ภาค 2
 
          เป็นภาพยนตร์สยองขวัญอเมริกันที่กำกับโดย Louis Morneau ซึ่งเป็นภาคต่อของ Joy Ride
นำแสดงโดย Nicki Aycox, Nick Zano, Kyle Schmid, Laura Jordan และ Mark Gibbon
 
 
 รูปที่ 2 Joy Ride 2 Dead Ahead (2008) เกมหยอกหลอกไปเชือด ภาค 2
 
           เรื่องราวของวัยรุ่นสี่คนที่ขับรถไปเที่ยวเวกัสด้วยเส้นทางขนานกับเส้นทางหลวง แต่ในระหว่างที่เดินทางอยู่นั้น รถเกิดเสียกระทันหัน พวกเขาจึงจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินไปขอความช่วยเหลือ จนได้มาเจอกับบ้านกลังหนึ่งที่ซึ่งไม่มีคนอยู่อาศัยอยู่และมีรถจอดทิ้งไว้ พวกเขาจึงขอยืมรถไปใช้ก่อนแล้วค่อยเอามาคืน โดยได้ทิ้งเบอร์โทรไว้ก่อนไปให้เจ้าของบ้านไว้ติดต่อ จากนั้นพวกเขาก็ถูกโทรมาก่อกวนให้เล่นเกม เพื่อแลกกับความปลอดภัยของใครบางคน ทำให้พวกเขาต้องตกลงเล่นเกมตามที่เขาต้องการ
 
            ดำเนินเรื่องไม่ต่อเนื่องกับภาคแรกเปลี่ยนตัวละครใหม่หมด แต่ให้บรรยากาศและอะไรหลาย ๆ อย่างคล้ายภาคแรก และดำเนินเรื่องเร็วกว่า น่าสนใจกว่า ฉากฆ่าโหดกว่า เน้นไปทางการเล่นเกมมากกว่า ซึ่งตรงประเด็นที่หนังต้องการสื่อ โดยเปิดเรื่องก็จัดฉากโหดเลย แต่เดาเรื่องได้ไม่ยาก จากนั้นก็ตัดเข้าเรื่องฉายถึงตัวละครหลักที่กำลังเดินทางและเกิดรถเสีย จึงได้เดินไปขอความช่วยเหลือ จนได้มาเจอบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเหมือนบ้านร้างที่ไม่มีคนอยู่มานาน จากนั้นก็ได้มาเจอบ้านอีกหลังพร้อมกับรถ ซึ่งบ้านทั้งสองหลังดูลึกลับน่าสนใจดี จากนั้นก็เป็นการเล่นเกมตามที่คนร้ายต้องการ ซึ่งดูแล้วอึดอัดกดดัน สงสารตัวละคร ชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวละครไปกับการเล่นเกมตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็มีช่วงที่ตลกทำให้ยิ้มและหัวเราะบ้าง ตัวละครยังพอฉลาด แต่ก็มีจุดที่มาในรูปแบบเดิม ๆ อยู่เล็กน้อย ส่วนคนร้ายก็ฉลาดดี โดยหนังจะไม่ฉายให้เห็นหน้าคนร้ายชัด ๆ ซึ่งบางจุดพอเดาเรื่องได้บ้างและมีเดาผิดบ้าง มีฉากโหดบ้าง มีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลบ้าง จบทิ้งท้ายต่อภาคสาม
 
คะแนน 7/10
 
ตัวอย่าง 

3. Joy Ride 3 Roadkill (2014) เกมหยอก หลอกไปเชือด 3 ถนนสายเลือด

            เป็นภาพยนตร์สยองขวัญสัญชาติอเมริกันที่เขียนและกำกับโดย Declan O'Brien ซึ่งเป็นภาคต่อของ Joy Ride และ Joy Ride 2: Dead Ahead และเป็นภาคที่สามของซีรีส์ Joy Ride นำแสดงโดย Ken Kirzinger, Jesse Hutch, Kirsten Prout, Ben Hollingsworth และ Dean Armstrong 

 รูปที่ 3 Joy Ride 3 Roadkill (2014) เกมหยอก หลอกไปเชือด 3 ถนนสายเลือด
 
            เรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่กำลังไปแข่งรถ โดบต้องการใช้เส้นทางที่มีชื่อว่าถนนสายเชือด ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีคนตายหายสาปสูญและขนส่งยาเสพติดมากที่สุด ทั้ง ๆ ที่มีคนเตือนพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงยืนยันที่จะไป และเมื่อขับไปได้สักพักพวกเขาดันไปหาเรื่องรถบรรทุกคันหนึ่งเข้า หลังจากนั้นเจ้าของรถบรรทุกคันนี้ก็โทรมาก่อกวนและไล่ตามพวกเขาตลอดทาง
 
              ดำเนินเรื่องต่อเนื่องจากภาคก่อนหน้า เปิดเรื่องให้บรรยากาศเหมือนภาคแรก ซึ่งเปิดมาก็ให้เล่นเกมเลย โดยจะฉายเหยื่อรายอื่นก่อนตัดเข้าเรื่องฉายตัวละครหลักแต่ละคน ซึ่งตัวละครหลักเปลี่ยนใหม่หมดเช่นกันและใช้เยอะขึ้น โดยช่วงแรกมีช่วงที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะบ้าง และบางช่วงที่ให้บรรยากาศเหมือนภาคสอง ซึ่งเป็นการจับเอาสองภาคมารวมกันได้ดี มาแนวคล้าย ๆ กัน เน้นฉายบนถนนเป็นหลัก ยังคงมีหักมุมหลอกคนดูบ้าง ดูแล้วชวนหวาดระแวงฆาตกรตลอดทั้งเรื่อง แต่ยังจบได้ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากยังคงจบทิ้งท้ายเหมือนมีต่อ โดยยังคงใช้รถบรรทุกคันเดิม ฆาตกรคนเดิม แต่ภาคนี้จะฉายให้เห็นหน้าฆาตกรชัดเจนขึ้น ฉากฆ่าที่โหดขึ้นเสียวขึ้น โดยภาคนี้ไม่ได้เน้นไปที่การเล่นเกมมาก แต่จะเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนตัวประกันและการทรมานเหยื่อให้ตายมากกว่า ซึ่งถือว่าทำได้โหดดี บางฉากดูลงทุนมากขึ้น มีช่วงให้ลุ้นเอาใจช่วยตัวละครตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีช่วงที่น่าเบื่อเลย แต่ก็มีบางจุดที่พอเดาเรื่องได้บ้าง ซึ่งเป็นจุดที่หนังค่อนข้างเน้นพอสมควร และเลือดที่ดูจะไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่

คะแนน 7/10
 
ตัวอย่าง


ขอบคุณภาพจาก Regency Enterprises รูปที่ 1
 
ขอบคุณภาพจาก IMDb เครดิต 20th Century Fox Home Entertainment รูปที่ 2 
 
ขอบคุณภาพจาก 20thcenturystudios รูปที่ 3

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ