วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564

รีวิวหนัง Wonder Woman 1984 (2020) วันเดอร์ วูแมน 1984 การกลับมาของสตีฟ เทรเวอร์และคู่ปรับคนใหม่ของไดอาน่า

 

    Wonder Woman 1984 (2020) วันเดอร์ วูแมน 1984 เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวซูเปอร์ฮีโรที่สร้างจากตัวละคร วันเดอร์วูแมนของดีซีคอมิกส์ ซึ่งเป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Wonder Woman ใน ปี 2017 และเป็นภาพยนตร์ลำดับที่เก้าในจักรวาลขยายดีซี กำกับโดย Patty Jenkins โดยเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ Geoff Johns และ David Callaham จากเนื้อเรื่องโดย Johns และ Jenkins นำแสดงโดย Gal Gadot , Chris Pine, Kristen Wiig, Pedro Pascal, Robin Wright และ Connie Nielsen

           
เรื่องราวของไดอาน่าที่ต้องใช้ชีวิตตามลำพังและทำงานเป็นศาสตราจารย์พร้อมกับคอยช่วยเหลือคนหลังจากที่จัดการกับแอริสเทพแห่งสงครามและนายพลอีริช ลูเดนดอร์ฟสำเร็จ แต่แล้วคนรักของเธอสตีฟ เทรเวอร์ได้กลับมาหาเธออีกครั้ง เธอจึงเริ่มสงสัยเกี่ยวกับวัตถุหินโบราณลึกลับที่บาบาร่ามิโนว่ากำลังศึกษาอยู่และพบว่าหินนี้ไม่ใช่หินธรรมดา แต่เป็นหินที่ใครก็ตามที่ขอสิ่งใดก็จะได้สมความปรารถนา เธอต้องการวัตถุหินโบราณลึกลับนี้ แต่ทว่าหินนี้ได้ไปอยู่กับแมกซ์เวลล์ ลอร์ดซะแล้ว และตอนนี้โลกกำลังเกิดความวุ่นวาย เธอจึงต้องเข้าขัดขวางและหาวิธีถอนคำขอพรเหล่านั้นก่อนจะสายเกินไป

           
เปิดเรื่องด้วยการฉายถึงเรื่องราวในวัยเด็กของไดอาน่าในช่วงแข่งขันกับคนอื่น ๆ ซึ่งเปิดเรื่องมาก็จัดฉากยิ่งใหญ่ตระการตาเลย ก่อนที่จะตัดเข้าเรื่องในช่วง 1984 ซึ่งดำเนินเรื่องต่อเนื่องกับภาคแรกเลย โดยช่วงแรกจะฉายตัวละครหลักที่ตามช่วยคนจัดการกับกลุ่มโจรที่กำลังปล้น ซึ่งก็จัดฉากแอ็คชั่นได้สนุกดีมีมาเป็นช่วง ๆ และมีฉากที่สร้างรอยยิ้มบ้าง หลังจากนั้นก็จะเป็นการปูเรื่องราวที่มาที่ไปของตัวละครอื่น ๆ ก่อนที่จะกลายมาเป็นตัวร้ายในเรื่อง รวมทั้งการกลับมาของพระเอก ซึ่งตัวละครแต่ละคนก็แสดงได้ดีสมบทบาท ซึ่งในระหว่างนี้ก็มีฉากโรแมนติก ตลก ดราม่าของตัวละครบ้าง มีบอกถึงที่มาที่ไปของการกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ตายไปแล้วจากภาคแรก โดยภาคนี้จะมาต่างจากภาคแรกคือจะเปลี่ยนจากที่นางเอกมาอยู่ในโลกมนุษย์เป็นพระเอกมาอยู่ในโลกอนาคตแทนและเน้นไปที่วัตถุหินโบราณลึกลับที่สามารถขอพรได้ ที่ทำให้คนถูกความโลภครอบงำ จนทำให้ตัวละครหลักต้องมาขัดขวาง ซึ่งฉากแอ็คชั่นยังคงสนุกเหมือนเดิม แต่ฉากแอ็คชั่นมีน้อยไปหน่อย ในช่วงท้าย ๆ ดูจะจบง่ายไป และเน้นดราม่ามากขึ้น แต่ก็ทำได้ซึ้งกินใจดี ส่วนฉากตลกถือว่ายังสู้ภาคแรกไม่ได้และเนื้อเรื่องที่พอเดาเรื่องได้ไม่ยาก แต่ข้อคิดสอนใจในภาคนี้ทำได้ดี ถือว่าสนุกคนละแบบกับภาคแรก

คะแนน 8.5/10
ตัวอย่าง


อ่านรีวิวเรื่องอื่น ๆ

 

 

ขอบคุณภาพจาก Warner Bros. Pictures รูปหน้าปกที่ 1 / รูปหน้าปกที่ 2 / รูปหน้าปกที่ 3 / รูปหน้าปกที่ 4 / รูปหน้าปกที่ 5

 

 

 



 

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ