วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

รีวิวหนัง Jurassic World Rebirth (2025) จูราสสิค เวิลด์ กำเนิดชีวิตใหม่

 



           Jurassic World Rebirth (2025) จูราสสิค เวิลด์ กำเนิดชีวิตใหม่ เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญนิยายวิทยาศาสตร์อเมริกันที่กำกับโดย Gareth Edwards และเขียนโดย David Koepp ซึ่งภาคต่อแบบเดี่ยวของ Jurassic World Dominion (2022) เป็นภาพยนตร์ Jurassic World ลำดับที่สี่และเป็นภาคที่เจ็ดโดยรวมในแฟรนไชส์ Jurassic Park ซึ่งนำแสดงโดย Scarlett Johansson, Mahershala Ali, Jonathan Bailey, Rupert Friend, Manuel Garcia-Rulfo และ Ed Skrein

            การทำงานในภาพยนตร์เริ่มขึ้นไม่นานหลังจากการเปิดตัว Jurassic World Dominion เมื่อผู้ผลิตบริหาร Steven Spielberg ได้ขอให้ Koepp ช่วยเขาพัฒนาตอนใหม่ในซีรีส์นี้ Koepp เคยร่วมเขียนบทภาพยนตร์จูราสสิคพาร์คฉบับดั้งเดิม (1993) และเขียนภาคต่อของคือ The Lost World: จูราสสิคพาร์ค (1997) การพัฒนา Rebirth ได้มีการรายงานครั้งแรกในเดือนมกราคม 2024 Edwards ถูกจ้างเป็นผู้กำกับหนึ่งเดือนต่อมา และกระบวนการเลือกนักแสดงเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า การถ่ายทำหลักเกิดขึ้นในประเทศไทย, มอลตา, และสหราชอาณาจักรตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน 2024

             ได้จัดแสดงรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2025 ที่ Odeon Luxe Leicester Square ในกรุงลอนดอน และถูกปล่อยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาโดย Universal Pictures เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 

           "ยังคงเป็นหนังเพื่อความบันเทิงเหมือนภาคก่อนๆ แต่ภาคนี้จะได้เห็นไดโนเสาร์พันธุ์ผสมหน้าตาแปลกๆ มากขึ้น"

           เมื่อมีคนค้นพบว่าสามารถเอา DNA ของไดโนเสาร์ 3 ชนิดมาผลิตยารักษาโรคหัวใจได้ ทำให้มีการส่งทีมเข้าไปในเกาะแห่งหนึ่ง เพื่อเอาตัวอย่างเลือดของไดโนเสาร์ ซึ่งพวกเขาจะต้องเสี่ยงชีวิตเอาตัวรอดจากไดโนเสาร์ทั้งพันธุ์ดั้งเดิม และพันธุ์ผสมที่ไม่มีอะไรควบคุมพวกมันเลยในภารกิจครั้งนี้..!!

            เดินมาถึงภาคที่ 7 จาก Jurassic park 1-3 และมาต่อที่ Jurassic world 1-3 ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าดูดีๆ หนังจะมีการดำเนินเรื่องที่คล้ายกัน คือเปิดตัวด้วยความว้าวของไดโนเสาร์ ก่อนที่อะไรๆ จะเริ่มฉิบหายวายป่วง ซึ่งเอาจริงๆ มันก็คือหนังที่ขายความบันเทิงเกี่ยวกับมนุษย์ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากไดโนเสาร์บนเกาะหรือพื้นที่ปิดนั่นเอง

            นอกจากความบันเทิงเกี่ยวกับการลุ้นเอาตัวรอดของมนุษย์จากไดโนเสาร์แล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนักซึ่งก็เหมือนๆ กันในทุกๆ ภาค โดยในภาคนี้เองก็มาสไตล์เดียวกัน แต่อาจมีสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ มีไดโนเสาร์ที่ตัดต่อพันธุกรรมเพิ่มขึ้น จึงมีตัวไดโนเสาร์หน้าตาแปลกๆ มาให้ได้ดูกัน

            ภาพรวมมันจึงเป็นหนังแฟรนไชส์ ที่เป็นที่รู้จักและสามารถขายได้ด้วยตัวมันเอง ต่อให้จากนี้จะมีภาคต่ออีกก็คงเป็นที่นิยมเหมือนเดิม และจุดขายก็ไม่มีอะไรมากนอกจากมาดูคนหาทางเอาตัวรอดจากไดโนเสาร์เหมือนเดิม...

คะแนนส่วนตัว 8/10

รีวิวโดย A.L. Lucky


            เรื่องราวของ โซรา เบนเน็ตต์ อดีตเจ้าหน้าที่ลับทางทหาร ที่ถูก มาร์ติน เครบส์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเภสัชกรรมปาร์คเกอร์เจนิกซ์ ว่าจ้าง ให้ไปเอาดีเอ็นเอจากไดโนเสาร์สามสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด เพื่อนำมาใช้ในการรักษาโรคหัวใจแบบใหม่ ซึ่งเธอได้ร่วมเดินทางกับ ดร. เฮนรี่ ลูมิส นักบรรพชีวินวิทยา เพื่อนร่วมงานของเธอ พร้อมด้วย ดันแคน คินเคด เพื่อนเก่าแก่ของเธอให้มาเป็นผู้นำการเดินทาง เลอแคลร์ก นีน่า ทหารรับจ้าง และบ็อบบี้ แอตวอเตอร์ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ซึ่งพวกเขาต้องเอาชีวิตรอดจากไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์บนเกาะแห่งนี้

            เปิดเรื่องด้วยการฉายถึงการทดลองไดโนเสาร์กลายพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งเกิดเหตุผิดพลาดจนทำให้หลุดออกมาได้ โดยไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่เปิดตัวดูน่าสนใจดี ซึ่งก็ตามคาดที่มาฉายอีกทีเอาช่วงท้าย ๆ เรื่อง รวมทั้งหลาย ๆ อย่างที่เดาเรื่องได้ไม่ยาก จากนั้นก็ตัดมาในช่วงเจ็ดปีต่อมาซึ่งสภาพอากาศของโลกไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของไดโนเสาร์ ทำให้ต้องไปอาศัยอยู่ในบริเวณรอบเส้นศูนย์สูตร ซึ่งมีภูมิอากาศคล้ายกับยุคมีโซโซอิกและเป็นสถานที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นเขตห้ามเดินทาง โดยได้ฉายถึงตัวละครหลักก่อนที่จะมีเหตุให้เดินทางไปยังเกาะไดโนเสาร์ ซึ่งตัวละครได้เปลี่ยนใหม่หมดไม่เกี่ยวข้องกับภาคก่อน แต่บางจุด รวมทั้งดนตรียังคงมาในแนวภาคก่อน ๆ จากนั้นก็ฉายถึงตัวละครอื่น ๆ เพิ่มเติมที่ต้องร่วมเดินทางด้วย โดยในช่วงเดินทางค่อนข้างน่าเบื่อไปบ้าง จากนั้นก็ได้ฉายถึงตัวละครครอบครัวหนึ่งที่ได้มีส่วนสำคัญในการร่วมเดินทางและเอาชีวิตรอดจากไดโนเสาร์ด้วย หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดตัวไดโนเสาร์ต่าง ๆ ซึ่งบางตัวก็คุ้นเคยดี แต่บางตัวก็ดูแปลกใหม่เหมือนเป็นการกลายพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรม แต่น่าเสียดายที่ไดโนเสาร์ออกน้อยไปหน่อย ทั้ง ๆ ที่อยู่บนเกาะไดโนเสาร์ น่าจะจัดไดโนเสาร์ให้เยอะกว่านี้และดีเอ็นเอไดโนเสาร์ที่ต้องการบางตัวได้มาง่ายเกินไป เนื่องจากเป็นไดโนเสาร์กินพืช จึงไม่มีอุปสรรคอะไรมากนัก น่าจะให้มีอุปสรรคที่ยากกว่านี้ แต่ก็ได้มาเน้นอุปสรรคกับการเอาชีวิตรอดออกจากเกาะแทน แต่ถือว่าทำได้ลุ้นดี ถึงแม้จะรู้ว่าตัวละครบางคนน่าจะรอด ซึ่งระหว่างนี้ก็มีฉากตลก ๆ ของตัวละครและฉากน่ารักของไดโนเสาร์สอดแทรกบ้าง ถึงแม้ไดโนเสาร์บางตัวจะดูเชื่องไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย ซึ่งตอนจบก็ตัดจบง่าย ๆ และทิ้งท้ายเหมือนมีต่อ

คะแนนส่วนตัว 6/10

รีวิวโดย 刘心爱

ตัวอย่าง


ขอบคุณภาพจาก The Kennedy/Marshall Company รูปหน้าปกที่ 1

ขอบคุณภาพจาก Universal Pictures รูปหน้าปกที่ 2 / รูปหน้าปกที่ 3

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ