28 Years Later (2025) 28 ปีให้หลัง เชื้อเขมือบคน เป็นภาพยนตร์สยองขวัญหลังเกิดหายนะในที่ผลิตและกำกับโดย Danny Boyle และเขียนโดย Alex Garland โดยเป็นภาคที่สามในชุดภาพยนตร์ 28 Days Later ซึ่งตามมาจาก 28 Days Later (2002) และ 28 Weeks Later (2007) นำแสดงโดย Jodie Comer, Aaron Taylor-Johnson, Jack O'Connell, Alfie Williams และ Ralph Fiennes ซึ่งเป็นการกลับมาของ Boyle, Garland และช่างภาพ Anthony Dod Mantle สู่ซีรีส์นี้ โดยทั้งหมดเคยทำงานในภาพยนตร์ต้นฉบับ รวมถึง Cillian Murphy ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตบริหารด้วย โดยเปิดตัวในหลายประเทศในเอเชียและยุโรปในวันที่ 17-19 มิถุนายน 2025 และมีกำหนดจะเข้าฉายในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาโดย Columbia Pictures ผ่าน Sony Pictures Releasing ในวันที่ 20 มิถุนายน 2025 ซึ่งถูกถ่ายทำติดต่อกันกับภาคต่อ 28 Years Later: The Bone Temple ซึ่งกำกับโดย Nia DaCosta เขียนโดย Garland และผลิตโดย Boyle และ Garland
"ฉากลุ้นระทึกหนีซอมบี้อาจน้อยไปหน่อยถ้าเทียบกับ 2 ภาคแรก แต่มีใส่ความงดงามของ Location, งาน Art ของหนัง และแฝงปรัชญาให้คนตีความกันเพิ่มเข้ามา"
เรื่องราวในภาคที่ 3 ต่อจาก 28 weeks later หลังจากผ่านมาอีก 28 ปีของการระบาดของเชื้อไวรัสที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้ หนังจะเล่าถึงคนกลุ่มหนึ่งที่สร้างฐานที่มั่นที่ปลอดภัยในเกาะแห่งหนึ่งในอังกฤษ โดยมีทางตัดผ่านทะเลที่เชื่อมต่อเกาะสู่เมืองใหญ่ ซึ่งทางที่ว่านี้จะเป็นทางที่ไว้ใช้สำหรับให้คนออกมาหาอาหาร สิ่งของจำเป็น ซึ่งมันเป็นทางที่ต้องคอยระวังไม่ให้ซอมบี้หลุดเข้ามาในเมืองอีกด้วย พวกเขาจะสามารถอยู่รอด และดูแลเมืองไม่ให้โดนซอมบี้โจมตีได้ไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่..?
นี่เป็นหนังแนวซอมบี้ในภาคที่ 3 ที่อยากดูมากที่สุดในปีนี้เลย เพราะ 2 ภาคแรกทำไว้สนุกมากมาย ในการที่ทำให้เราต้องลุ้นระทึกไปกับการหนีซอมบี้เพื่อเอาตัวรอด
- ในภาคนี้เปิดเรื่องมาก็ชวนลุ้นระทึกแล้วกับการเริ่มต้นเล่าถึงตัวละครเด็กปริศนาที่น่าจะมีบทบาทในภาคต่อไป จากนั้นการที่หนังเล่าถึงกลุ่มผู้คนในเกาะแห่งหนึ่งที่มีทางเชื่อมพาดผ่านแม่น้ำ ซึ่งไอ้ทางเชื่อมนี้แหละที่น่าจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เราต้องลุ้นว่าจะมีซอมบี้เข้ามาเมื่อไหร่
- ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างคือตัวละครที่เป็นหมอแปลก ที่อาศัยอยู่ในเมือง ถือว่าเป็นตัวละครที่น่าจับตาว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี แล้วจะมีส่วนทำให้เมืองฉิบหายหรือไม่ เพราะเป็นตัวละครที่บุคลิกดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่
- ในภาคนี้จะมีวิวัฒนาการของซอมบี้เพิ่มขึ้น และมีชนิดที่ต่างกัน ถือว่าเป็นไอเดียที่สร้างความแตกต่างจากภาคก่อนๆ โดนเฉพาะซอมบี้ที่เป็นผู้นำ จะมีความแข็งแกร่ง และฉลาดเข้าเสริมให้มีความอันตรายมากขึ้นด้วย
- การเล่าเรื่องช่วงแรกน่าสนใจ ชวนลุ้นระทึกเป็นระยะ แต่ช่วงครึ่งหลังอาจจะมีความเนือยไปบ้าง แต่รู้สึกได้ว่าช่วงครึ่งหลังหนังพยายามเล่าเรื่องไปในทิศทางของปรัชญา เรื่องความตาย และงาน Art ที่ละเมียดละไมเป็นตัวสอดแทรกในระหว่างทำภารกิจหนีซอมบี้ และเป็นการปูเรื่องก่อนที่จะมีภาคต่อไปด้วย
- ฉากประกอบและ Location มีความสวยงามมาก และเข้ากับบรรยากาศของหนังที่ดูวังเวง ดูน่ากลัว ทำให้เรารู้สึกถึงความสวยงามของธรรมชาติที่มาพร้อมกับความอันตรายไปในตัว
- ภาพรวมนี่เป็นหนังซอมบี้ภาคต่อที่ยังคงน่าสนใจอยู่ นอกจากจะมีการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่แล้ว ยังเป็นการปูเรื่องที่เหมือนการติดตั้งระเบิดเวลาที่รอระเบิดความบ้าคลั่งในภาคต่อไปอีกด้วย ยังไงก็ไม่ควรพลาด...!
คะแนนส่วนตัว 7/10
รีวิวโดย A.L. Lucky
ตัวอย่าง
ขอบคุณภาพจาก IMDb เครดิต DNA Films รูปหน้าปกที่ 1 / รูปหน้าปกที่ 2 / รูปหน้าปกที่ 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น