วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2567

รีวิวหนัง Smile 2 (2024) ยิ้มสยอง 2

 


            Smile 2 (2024) ยิ้มสยอง 2 เป็นภาพยนตร์สยองขวัญเหนือธรรมชาติทางจิตวิทยาอเมริกันที่เขียนบทและกํากับโดย Parker Finn ภาคต่อของ Smile (2022) นําแสดงโดย Naomi Scott นอกจากนี้ยังมี Rosemarie DeWitt, Lukas Gage, Miles Gutierrez-Riley, Peter Jacobson, Raúl Castillo, Dylan Gelula และ Ray Nicholson รวมถึง Kyle Gallner ที่กลับมารับบทของเขาจากภาพยนตร์เรื่องแรก

            ในเดือนมีนาคม 2023 หลังจากความสําเร็จในเชิงพาณิชย์ของภาพยนตร์เรื่องแรก Finn ได้ลงนามในข้อตกลงครั้งแรกกับ Paramount Pictures เพื่อพัฒนาโปรเจ็กต์สยองขวัญเพิ่มเติม ในเดือนเมษายนปีถัดมาภาคต่อของ Smile ได้เข้าสู่ขั้นตอนก่อนการผลิตโดย Finn กลับมาเป็นนักเขียนและผู้กํากับ การถ่ายภาพหลักเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2024 ในสถานที่ต่างๆ ในนิวยอร์ก

            โดยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2024 เช่นเดียวกับภาคก่อน 

"จัดหนักกับฉาก Jump scare แทบไม่ได้พักกันเลยทั้งคนดูและตัวละคร ขายความระทึกขวัญแทบทุกซีนจนสงสารและเหนื่อยแทนนางเอก แต่เสียดายที่ภาคนี้ใส่ Detail ในส่วนของ Story น้อยไปหน่อย เหมือนเข้าบ้านผีสิงที่ต้องลุ้นเรื่องการโดนผีหลอกตลอดเวลาเป็นหลัก คนจิตตกไม่ขอแนะนำ"

            ในภาคนี้หนังจะโฟกัสไปที่ตัวละครใหม่อย่าง สกาย ไรลีย์ (นาโอมิ สก็อต)​ ซึ่งเธอเป็นนักร้องที่กำลังจะทัวร์คอนเสิร์ต แต่มีปัญหาชีวิตเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด รวมถึงการที่เธอเพิ่งประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนส่งผลต่อสภาพจิตใจมาด้วย แล้วเธอดันมาได้รับเลือกให้รับช่วงคำสาปของเจ้าผี Smile ที่ถูกส่งต่อมาที่เธอ นั่นแปลว่าอีกไม่กี่วันเธอกำลังจะพบจุดจบเหมือนเพื่อนของเธอ นั่นทำให้เธอต้องหาทางเอาตัวรอดจากคำสาปนี้ให้ได้...!

             หลังจากภาคแรกที่ประสบความสำเร็จจากความน่ากลัวของเจ้าผี Smile การกลับมาในภาคที่ 2 นี้ ถือได้ว่าทวีความรุนแรงและความน่ากลัวขึ้นเป็น 2 เท่า แถมยังรัวฉากลุ้นระทึก Jump scare เป็นระยะๆ ให้แทบไม่ได้หายใจหายคอกันเลย ซึ่งในมุมนี้ถือว่าหนังทำออกมาได้ตอบโจทย์ ใครที่ขวัญอ่อน ขี้ตกใจนี่ มีสิทธิสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก จนกลับมานอนฝันร้ายกันเลยทีเดียว

             และสิ่งที่ทำออกมาได้ดีที่ส่งให้ฉากลุ้นระทึกมันดูหายใจไม่ทั่วท้อง นั่นคือมุมกล้อง และฉากโหดๆ ที่ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ซึ่งเป็นส่วนช่วยเสริมให้ฉากลุ้นระทึกดูหลอนและน่ากลัวขึ้นมากเลย

              ในแง่ของการแสดง นาโอมิ เป็นตัวขับเคลื่อนของหนังเกือบ 100 % เลย ซึ่งเธอแสดงได้ดีมากจนเรารู้สึกสงสาร คนอะไรที่จะย่ำแย่ทั้งชีวิตจริง แถมยังโดนผีตามหลอกตามฆ่าอีก บอกก่อนเลยว่าใครที่กำลังจิตตก หดหู่ในชีวิต หรือมีภาวะเครียดไม่ขอแนะนำ เพราะหนังมีมุมการนำเสนอที่เครียดในระดับหนึ่งเกี่ยวกับชีวิตของตัวละคร และสร้างภาวะกดดันให้กับตัวละครด้วย

              ส่วนที่รู้สึกว่าไม่ชอบในหนังคือ รู้สึกว่าหนังเล่าเรื่องน้อยไปหน่อย เหมือนเอาตัวละครอย่าง สกายมาปู้ยี่ปู้ยำ โดนผีหลอก เช้า กลางวัน เย็น แม้กระทั่งตอนนอน แบบไม่ให้พักกันเลย วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น เป็นเวลา 2 ชม. เศษ ก่อนเข้าสู่บทสรุปที่ดูรวบรัด และรู้สึกว่าภาคนี้เจ้าผีร้ายจะมีพลังที่ดูเหนือกว่าภาค 1 ในแง่ของภาพหลอน และจิตวิทยาที่จัดมาจนเราก็งงพอๆ กับตัวละครที่ไม่รู้แล้วว่าอันไหนจริง อันไหนแกง

               นี่จึงเป็นหนังสยองขวัญสั่นประสาทที่ถือว่าจัดเต็มในแง่ของความลุ้นระทึกรัวๆ ให้คอหนังแนวนี้ลุ้นจนหลังติดเบาะ มือปิดตา สะดุ้งกันเป็นระยะ และหลอนกันเต็มอิ่มแน่นอน

คะแนนส่วนตัว 7/10

รีวิวโดย A.L. Lucky


             มันจะกัดกินเจ้าของร่างจนกลายเป็นบ้าและบังคับให้ฆ่าตัวตายต่อหน้าเหยื่อรายต่อไป เรื่องราวของ สกาย ไรลีย์ นักร้องป๊อประดับโลกที่กำลังจะเริ่มต้นทัวร์คอนเสิร์ตในนิวยอร์กซิตี้ ต้องเจอกับเหตุการณ์รอยยิ้มสยองที่ตามหลอกหลอนเธอตลอดเวลาหลังจากที่ได้ไปขอไวโคดิน แก้ปวดหลังที่เกิดจากอุบัติเหตุรถยนต์ กับ ลูอิส บวกกับความเครียดและแรงกดดันจากแม่ 

             เปิดเรื่องเป็นช่วงหกวันต่อมาด้วยการฉายถึงตัวละครในภาคแรกที่กำลังหาเหยื่อส่งต่อก่อนตัดเข้าเรื่องฉายถึงตัวละครหลัก พร้อมกับปูที่มาที่ไปของตัวละครและการทำงานไปเรื่อย จากนั้นก็ฉายถึงตัวละครที่มีอาการแปลก ๆ และกลัวบางอย่างก่อนจะมีอาการชักหมดสติและฟื้นขึ้นมาด้วยรอยยิ้มสยองในภาคแรก ซึ่งฉากฆ่าตัวตายโหดดี แต่ก็น้อยไป โดยหลังจากที่ตัวละครได้เจอรอยยิ้มสยองก็เริ่มเจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ โดยเฉพาะรอยยิ้มสยอง ซึ่งจะชอบเน้นเสียงดัง ๆ ให้ตกใจ แต่ฉากรอยยิ้มกับหลอนสู้ภาคแรกไม่ได้ไม่มีความน่ากลัวเท่าไหร่และก็พอเดาเรื่องได้ ซึ่งเนื้อเรื่องก็แทบไม่มีอะไรเลยจะเน้นไปที่การทำงานของตัวละครหลักที่โดนหลอกหลอนด้วยรอยยิ้มจนกลายเป็นน่าเบื่อ แต่บางช่วงก็มาในแนวภาคแรกบ้างที่หลอกในรูปแบบคนรู้จัก โดยเป็นภาคต่อที่ดูเหมือนเป็นภาคเริ่มใหม่มากกว่า เพียงแค่เปลี่ยนตัวละครหลักเท่านั้น ซึ่งช่วงท้ายเรื่องจะฉายถึงตัวละครที่รู้เรื่องนี้มาบอก โดยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับตัวละครในภาคแรก พร้อมทั้งบอกวิธีการทำลาย ซึ่งชวนลุ้นบ้างในช่วงท้ายเรื่องและชวนติดตามว่าจะทำลายได้ไหม ดูแล้วก็ชวนสงสารตัวละครหลักอยู่บ้าง

คะแนนส่วนตัว 4.5/10

อ่านรีวิว Smile (2022) ยิ้มสยอง

รีวิวโดย 刘心爱

ตัวอย่าง


ขอบคุณภาพจาก Facebook Paramount Pictures รูปหน้าปกที่ 1 / รูปหน้าปกที่ 2

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ