The Crow (2024) อีกาพญายม เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อเมริกันโกธิคที่กํากับโดย Rupert Sanders จากบทภาพยนตร์โดย Zach Baylin และ William Schneider เป็นการรีบูตของซีรีส์ภาพยนตร์ The Crow เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ห้าในแฟรนไชส์ และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองรองจากภาพยนตร์ปี 1994 ที่ดัดแปลงโดยตรงจากหนังสือการ์ตูนชุดปี 1989 ที่มีชื่อเดียวกันโดย James O'Barr นําแสดงโดย Bill Skarsgård ในบท Eric
ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าสู่การพัฒนาในเดือนธันวาคม 2008 โดย Stephen Norrington ระบุว่าเขาจะเขียนบทและกํากับ "การประดิษฐ์ใหม่" ของ The Crow เข้าสู่กระบวนการผลิตที่ซับซ้อนโดยมีผู้กํากับ ผู้เขียนบท และนักแสดงหลายคนแนบมาในจุดต่างๆ ผู้สร้างภาพยนตร์ Norrington, Juan Carlos Fresnadillo, F. Javier Gutiérrez และ Corin Hardy ได้รับการเซ็นสัญญาให้กํากับในตอนแรกในขณะที่ Bradley Cooper, Luke Evans, Jack Huston และ Jason Momoa ล้วนได้รับเลือกให้เป็น Eric ในช่วงต่างๆ ของการพัฒนา Skarsgård ได้รับการประกาศให้เป็น Eric ในเดือนเมษายน 2022 พร้อมกับ Sanders เป็นผู้กํากับ การถ่ายทําเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยเกิดขึ้นในปรากและเพนซิงใกล้มิวนิก มีกําหนดเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาโดย Lionsgate Films ในวันที่ 23 สิงหาคม 2024
"อีกายมฑูต ที่บินวนอยู่ในอ่าง กว่าจะรู้ตัวปล่อยของก็สายไปเสียแล้ว"
เรื่องราวของ เอริก ดราเว่น (บิล ซาร์สการ์ด) ชายผู้สูญเสีย เชลลี่ เว็บสเตอร์ (เอฟเคเอ ทวิกส์) หญิงอันเป็นที่รักจากการฆาตกรรมโดย วินเซนต์ โรเอค (แดนนี่ ฮัสตัน) ซึ่งเป็นผู้บงการให้เกิดการฆาตกรรมนี้ผ่าน โซเฟีย (โจเซ็ตต์ ไซมอน) ผู้ช่วยของเขา ด้วยความรักที่มีต่อเชลลี่ ทำให้เอริกได้พลังวิเศษจากอีกาที่เป็นฑูตแห่งความตายกลับมาแก้แค้นผู้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมทั้งหมด...
ภาพยนตร์ Remake ที่ถูกสร้างมาแล้วครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่ 3 ซึ่ง เรื่องราวการนำเสนอในภาคนี้ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ การเล่าเรื่องมันราบเรียบ จนเหมือนเราดูหนังที่มันดึงเรื่อง วนอยู่กับที่ จนกระทั่งมาปล่อยของเป็นฉากแอ็คชั่นโหดๆ ในช่วงท้าย ที่พอจะกู้หน้าหนังได้ขึ้นมาระดับหนึ่ง แม้มันอาจจะสายไปแล้วก็ตาม
ข้อเสียของ อีกาพญายม ในเวอร์ชั่นนี้คือ การเล่าเรื่องที่ราบเรียบ ชวนเบื่อหน่าย และวนอยู่กับที่นานไปหน่อย กว่าจะปล่อยของก็ช่วงท้ายของหนังซะแล้ว มันเลยดูน่าเสียดายกับบทและการนำเสนอ ทั้งๆ ที่ได้พระเอกจอมบู๊เลือดสาดอย่างบิลมาแสดงแล้ว แต่กลับไม่เอามาใช้ให้คุ้ม เหมือนดูหนังที่ไม่ได้เลือกเส้นทางของหนังว่าจะไปในทิศทางไหนดี ระหว่างการขายแอ็คชั่นเพื่อความบันเทิง หรือ ดราม่าเรื่องความรักที่ไม่สมหวัง มันเลยไม่อิน ไม่สุดสักอย่าง
หนังมาปล่อยของเป็นฉากแอ็คชั่น โหดๆ ในช่วงท้าย เหมือนเป็นเซอร์วิสแฟนๆ บิล มากกว่า แต่เหมือนจะไม่ทันการ แม้มันจะดูน่าสนใจ และดูเครื่องติดแล้ว แต่มันก็สายเกินไปเพราะมันเป็นช่วงท้ายที่หนังกำลังจะจบ คือถ้าจะมาทางแอ็คชั่น ดิบๆ โหดๆ ควรใส่มาเรื่อยๆ เป็นระยะเลย ถ้าจะเน้นขายความบันเทิง
สุดท้ายมันเลยกลายเป็น The crow เวอร์ชั่นใหม่ ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แถมอาจจะแย่กว่าเวอร์ชั่นเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งมันอาจจะพอดูได้ แต่มันดูเชย ราบเรียบ และมาสนุกในช่วงท้าย ซึ่งสำหรับความคาดหวังของคนที่ทันเวอร์ชั่นเดิมหรือ FC เรื่องนี้ ถือว่าน่าผิดหวัง แต่ถ้าใครยังไม่เคยดูหรือไม่รู้จัก The crow ลองเข้าไปรับชมกันดู สำหรับ ฮีโร่สายพันธุ์ Dark คลั่งรักที่เคยโด่งดังมาจากหนังเก่าในอดีตครับ
คะแนนส่วนตัว 7/10
รีวิวโดย A.L. Lucky
ตัวอย่าง
ขอบคุณภาพจาก The Electric Shadow Company รูปหน้าปกที่ 1
ขอบคุณภาพจาก Lionsgate Films รูปหน้าปกที่ 2 / รูปหน้าปกที่ 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น