วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2566

รีวิวหนัง AQUAMAN AND THE LOST KINGDOM (2023) อควาแมน กับอาณาจักรสาบสูญ

 


               AQUAMAN AND THE LOST KINGDOM (2023) อควาแมน กับอาณาจักรสาบสูญ เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อเมริกันที่สร้างจากตัวละคร DC Aquaman ผลิตโดย DC Studios, Atomic Monster และ Safran Company จัดจําหน่ายโดย Warner Bros. Pictures เป็นภาคต่อของ Aquaman (2018) และภาพยนตร์เรื่องที่ 15 และภาคสุดท้ายใน DC Extended Universe (DCEU) กํากับโดย James Wan จากบทภาพยนตร์โดย David Leslie Johnson-McGoldrick นําแสดงโดย Jason Momoa ร่วมกับ Patrick Wilson, Amber Heard, Yahya Abdul-Mateen II, Randall Park, Dolph Lundgren, Temuera Morrison, Martin Short และ Nicole Kidman

              โดยเป็นภาคต่อของ Aquaman ระหว่างการผลิตภาพยนตร์เรื่องแรก Wan ไม่ต้องการเร่งภาคต่อ แต่ตกลงกันในเดือนมกราคม 2019 เพื่อดูแลการพัฒนา Johnson-McGoldrick เซ็นสัญญา เพื่อกลับมาเป็นนักเขียนบทในอีกหนึ่งเดือนต่อมา และ Wan ได้รับการยืนยันว่าจะกลับมาเป็นผู้กํากับในเดือนสิงหาคม 2020 เขากล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะขยายการสร้างโลกของ Aquaman และประกาศชื่อภาคต่อในเดือนมิถุนายน 2021 การถ่ายทําเริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนและสิ้นสุดในเดือนมกราคม 2022 โดยเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร ฮาวาย ลอสแองเจลิส และนิวเจอร์ซีย์ โดยมีการถ่ายทําเพิ่มเติมในนิวซีแลนด์

              ฉายรอบปฐมทัศน์ในงานแฟนๆ ที่ Grove, Los Angeles เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2023 และวางจําหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม โดย Warner Bros. Pictures 

               เรื่องราวในช่วงหลายปีหลังจาก อาเธอร์ เป็นราชาแห่งแอตแลนติส เขาได้แต่งงานกับ มีร่า และมีลูกชายคนหนึ่งชื่อ อาเธอร์ จูเนียร์ แต่ในขณะเดียวกัน เดวิด เคน ก็ยังคงพยายามแก้แค้นเขาสําหรับการตายของพ่อ โดยทํางานร่วมกับนักชีววิทยาทางทะเล สตีเฟน ชิน เพื่อค้นหาแอตแลนติส แต่ในระหว่างนั้น เดวิด เคน ได้พบตรีศูลสีดําที่เจ้าของคือ คอร์แด็กซ์ น้องชายของ คิง แอทลาน และผู้ปกครองอาณาจักรเนครูซที่สาบสูญ ซึ่งถูกคุมขังด้วยเวทมนตร์เลือดหลังจากความพยายามที่ล้มเหลวในการแย่งชิงบัลลังก์ โดยได้มอบพลังให้แก่เดวิดในการทําลายอาเธอร์ ทำให้พลังแข็งแกร่งขึ้นและตอนนี้กำลังทำให้โลกร้อนขึ้น เพื่อปลดปล่อยคอร์แด็กซ์ เขาจึงต้องหาตัวเดวิดให้เจอด้วยการช่วย ออร์มน้องชายต่างมารดาของเขาออกจากคุกและร่วมมือกันหยุดยั้งเดวิด 

              เปิดเรื่องด้วยการเกริ่นนำเรื่องราวของตัวละครหลักคร่าว ๆ จากภาคแรกจนถึงภาคสองผ่านการเล่าเรื่องของตัวละครหลัก จากนั้นก็ตัดไปฉายถึงตัวร้ายในเรื่อง ซึ่งภาคนี้ตัวร้ายคือเดวิดที่มีพลังแข็งแกร่งขึ้นโดยได้อาวุธจากคอร์แด็กซ์ผู้ปกครองอาณาจักรเนครูซที่สาบสูญ ซึ่งเป็นชื่อตอนในภาคนี้ โดยยังคงตัวละครหลักเดิมจากภาคแรก ฉากแอคชั่นยังคงทำมาสนุกเหมือนเดิมและเน้นสู้กันในน้ำ ถึงแม้ฉากปะทะกันจะลดความยิ่งใหญ่ลง เนื่องจากเน้นไปที่ฉากต่อสู้ระหว่างตัวละครหลักฝ่ายดีไม่กี่คนกับตัวร้ายที่ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็มีสัตว์ประหลาดเพิ่มขึ้น โดยฉากแอคชั่นจะมีสอดแทรกตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งภาคนี้จะเน้นไปทางตลกมากกว่าภาคแรก แต่ก็ทำได้ฮาดี มีเสียดสีหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่น ๆ บ้างและพล็อตเรื่องที่สอดแทรกเหตุการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับมนุษย์ที่ทำลายโลกให้ร้อนขึ้นและความสัมพันธ์พี่น้องที่ลงเอยด้วยดีจนได้มาช่วยกัน แต่ก็ยังคงเดาเรื่องได้ง่ายตามสไตล์หนังแนวนี้ที่รู้ว่าต้องมาตามสเต็ปแบบนี้แน่นอนไม่มีหักมุมอะไรและตัวร้ายอย่างคอร์แด็กซ์ที่ตายง่ายไปหน่อย

คะแนนส่วนตัว 7.5/10

รีวิวโดย 刘心爱 


"การแก้แค้น และตรีศูรแห่งอาณาจักรที่สาบสูญ"

              ในภาคที่ 2 ของฮีโร่แห่งท้องทะเลค่าย DC ในภาคนี้ Arthur Curry หรือ Aquaman (Jason Momoa) จะได้ปะทะกับ Black Manta (Yahya Abdul-Mateen II)​ วายร้ายที่เคยโผล่มาในภาคที่ 1 แล้วแพ้ให้ Aquaman แถมยังสูญเสียพ่อไปในการต่อสู้ครั้งนั้นอีกด้วย Black Manta จึงเก็บความแค้นและตามหาตรีศูรดำที่มีพลังมหาศาล เพื่อมาจัดการกับ Aquaman ให้ได้ คราวนี้ Aquaman ไม่สามารถสู้ด้วยตัวคนเดียวได้ เพราะพลังของตรีศูรมีมากเกินรับมือ จึงทำให้เขาไปขอความช่วยเหลือจาก Orm พี่ชายที่เป็นศัตรูคู่อริของเขา เพื่อมารับศึกกับ Black Manta...

              ส่วนตัวคิดว่าภาคที่ 1 ดูสนุกกว่านะ เพราะในภาคนี้หนังดูจำเจไปหน่อย จะเห็นว่า ตัวละครที่เป็นตัวร้ายก็มาจากภาคแรก ตัวละครที่ต้องไปขอให้เข้ามาช่วยก็เป็นตัวร้ายจากภาคแรก ซึ่งเราพอจะรู้พลัง และนิสัยใจคอของตัวละครอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยรู้สึกเซอร์ไพรส์ และแปลกใหม่กับสิ่งที่หนังนำเสนอมากนัก

             จริง ๆ ช่วงแรก ๆ ที่หนังนำเสนอ ก็พอดูสนุกอยู่นะ กับการต้องเดินทางผจญภัยในอาณาจักรที่สาบสูญ ซึ่งก็ถือว่ายังมีการนำเสนออะไรที่มีความแปลกใหม่อยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นรู้สึกว่าหนังดูเรื่อย ๆ ธรรมดา คือไม่ใช่ว่ามันถึงกับแย่นะ แต่รู้สึกว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ และมีอะไรที่ดูสร้างสรรค์กว่าแค่ฉากแอ็คชั่นธรรมดาจนกระทั่งไคลแมกซ์ ตอนจัดการกับตัวร้าย ก็รู้สึกว่าดูรวบรัดง่ายดายไปหน่อย

              ภาพรวมไม่ใช่ว่าหนังดูไม่สนุก แต่เรารู้สึกว่าความสนุกมันต่ำกว่าที่คิดไว้ และเมื่อไปเทียบกับภาคที่ 1 การเล่าเรื่อง และความน่าติดตามยังสู้ภาคที่ 1 ไม่ได้ แต่ถ้าดูเพื่อเน้นความบันเทิงก็ถือว่าพอตอบโจทย์ใช้ได้

             และนี่คือบทสรุปทิ้งท้ายของหนังฮีโร่ DC ของโครงการเดิม ก่อนจะเข้าสู่ยุคใหม่ที่นำโดย James Gunn ผู้ที่จะสร้างจักรวาลหนัง DC ต่อไป ซึ่งเราคงต้องมาดูกันว่าเรื่องราวต่อจากนี้จะออกมาในรูปแบบไหน

คะแนนส่วนตัว 4/5

รีวิวโดย A.L. Lucky

ตัวอย่าง


ขอบคุณภาพจาก DC Studios รูปหน้าปกที่ 1

ขอบคุณภาพจาก IMDb เครดิต DC Studios รูปหน้าปกที่ 2รูปหน้าปกที่ 3

ขอบคุณภาพจาก Warner Bros. Pictures รูปหน้าปกที่ 4

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ