วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565

รีวิวหนัง AVATAR 2 : THE WAY OF WATER (2022) อวตาร 2 วิถีแห่งสายน้ำ

 


            AVATAR 2 : THE WAY OF WATER (2022) อวตาร 2 วิถีแห่งสายน้ำ เป็นภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์มหากาพย์ของอเมริกา ซึ่งเป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Avatar ในปี 2009 ที่กำกับโดย James Cameron จัดจำหน่ายโดย 20th Century Studios โดย Cameron อำนวยการสร้างร่วมกับ Jon Landau และเขียนบทร่วมกับ Rick Jaffa และ Amanda Silver ซึ่งอิงจากเรื่องราวที่ทั้งสามเขียนร่วมกับ Josh Friedman และ Shane Salerno นำแสดงโดย Sam Worthington, Zoe Saldaña, Stephen Lang, Joel David Moore, CCH Pounder, Giovanni Ribisi, Dileep Rao และ Matt Gerald กลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์ต้นฉบับ โดย Sigourney Weaver กลับมาในบทบาทที่แตกต่างออกไป นักแสดงใหม่ประกอบด้วย Kate Winslet, Cliff Curtis, Edie Falco และ Jemaine Clement 

               โดย Cameron ระบุในปี 2006 ว่าเขาต้องการสร้างภาคต่อของ Avatar หากประสบความสำเร็จ และประกาศภาคต่อสองภาคแรกในปี 2010 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างแพร่หลายของภาพยนตร์เรื่องแรก โดย The Way of Water มีเป้าหมายที่จะออกฉายในปี 2014 อย่างไรก็ตาม การเพิ่มภาคต่ออีก 3 ภาค รวมเป็นภาพยนตร์ Avatar ทั้งหมด 5 เรื่อง และความจำเป็นในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เพื่อถ่ายทำฉากการจับภาพใต้น้ำ ซึ่งเป็นผลงานที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ทำให้เกิดความล่าช้าอย่างมาก เพื่อให้ทีมงานมีเวลามากขึ้นในการ งานเขียน งานเตรียมการและวิชวลเอฟเฟกต์ กระบวนการถ่ายทำซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันกับภาพยนตร์เรื่อง Avatar เรื่องที่สามที่ยังไม่มีชื่อในปัจจุบัน เริ่มขึ้นที่แมนฮัตตันบีช แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2017 สถานที่ถ่ายทำย้ายไปที่เวลลิงตันเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2017 และสิ้นสุดในปลายเดือนกันยายน 2020 หลังจากสามปี 

                 หลังจากความล่าช้าซ้ำแล้วซ้ำอีกในกำหนดการฉายที่คาดไว้ Avatar: The Way of Water ฉายรอบปฐมทัศน์ในลอนดอนเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2022 และเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 16 ธันวาคม 2022 องค์กรต่าง ๆ เช่น National Board of Review และ American Film Institute ยกให้ Avatar: The Way of Water เป็น 1 ใน 10 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2022 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – ดราม่า และผู้กำกับยอดเยี่ยมจากงานประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่ 80

                เรื่องราวของ เจค ซัลลี่ ที่ได้ใช้ชีวิตในฐานะหัวหน้าของโอมาติยา พร้อมทั้งต้องเลี้ยงดูครอบครัวอย่าง เนย์ติริ ภรรยา, เนเตยัม ลูกชายคนโต, โลอัค ลูกชายคนรอง, คิรี ลูกสาวคนโต และ ทู้ค น้องสาวคนเล็ก รวมทั้ง สไปเดอร์ ลูกชายของพันเอกไมล์ส ควาริช ที่เกิดบนแพนดอร่า ซึ่งไม่สามารถถูกส่งมายังโลกด้วยความเย็นได้เนื่องจากอายุยังน้อย พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข จนกระทั่ง คนจากฟ้าที่นำโดยพันเอกไมล์ส ควาริช ในร่างของอวตารพร้อมกับพรรคพวกของเขา ร่วมด้วยนายพลอาร์คมอได้บุกเข้ามายังแพนดอร่า เพื่อหาแหล่งอาณานิคมใหม่อย่างแพนดอร่า เนื่องจากโลกใกล้ล่มสลายและต้องการล่าตัวคนทรยศอย่าง เจค ซัลลี่ ที่ได้ช่วยเหล่าอวตารกำจัดพวกเดียวกัน เขาจึงต้องไถ่โทษตัวเอง เพื่อหนีสงครามด้วยการเนรเทศตัวเองออกจากโอมาติยาพร้อมกับครอบครัวไปหาที่พักพิงอื่นยังกลุ่มชาวแนวปะการัง เมตเคยิน่าที่ชายฝั่งตะวันออกของแพนดอร่า โดยพวกเขาต้องเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในแนวปะการัง แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องทำให้ชาวเมตเคยิน่าเดือดร้อน เมื่อพันเอกไมล์ส ควาริชไม่ปล่อยเขาไปและยังคงตามล่าตัวจนเจอ

                เปิดเรื่องจะมีพูดอธิบายเรื่องราวคร่าว ๆ ผ่านตัวละครหลัก ซึ่งเป็นเรื่องราวของตัวเองตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาคสอง แต่ถ้าจะดูให้เข้าใจมากขึ้นอาจจะต้องดูภาคแรกมาก่อนด้วย เนื่องจากมีการพูดถึงตัวละครและเรื่องราวจากภาคแรกที่ภาคนี้ไม่ได้อธิบายบ้าง ซึ่งภาคนี้ตัวละครหลักของเรื่องมีครอบครัวแล้วและทุกคนในครอบครัวก็มีส่วนในบทบาทหลักของเรื่องด้วย ซึ่งก็กลายเป็นตัวช่วยสร้างสีสันในเรื่องให้ดูสนุกเฮฮามากขึ้น ดูแล้วก็ชวนยิ้มและหัวเราะตลอดทั้งเรื่อง โดยตัวละครแต่ละคนก็มีบุคคลิกลักษณะที่แตกต่างกันเป็นที่น่าจดจำได้ดี ถึงแม้บางคนจะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ รวมทั้งยังมีตัวละครใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วยอย่างชาวปะการังสีฟ้า ที่ดูแล้วออกจะเหมือนกับหลาย ๆ เรื่องไปหน่อย จากนั้นก็ค่อย ๆ ฉายถึงตัวร้ายในเรื่อง ซึ่งก็คือพวกมนุษย์ ดังนั้นภาคนี้จึงไม่ต่างจากภาคแรกคือต้องสู้กับมนุษย์ แต่จะต่างออกไปตรงที่ตัวร้ายบางคนเป็นอวตารเหมือนกัน ส่วนพล็อตเรื่องก็ง่าย ๆ ไม่ค่อยมีอะไร เน้นการตามล่าตัวละครหลักที่ทรยศทั้งเรื่อง โดยใช้วิธีจับลูกเป็นตัวประกันบ้าง เอาเหยื่อมาหลอกล่อบ้าง ทำร้ายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งเดาเรื่องไม่ค่อยยาก โดยหลังจากช่วงที่ตัวละครไปอยู่กับชาวปะการังก็จะเริ่มเข้าสู่เรื่องราวของภาคสองอย่างวิถีแห่งสายน้ำตามชื่อตอน จึงต้องมีสายน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งฉากแอคชั่นก็ทำได้สนุกมีสอดแทรกเข้ามาเป็นช่วง ๆ ถือได้ว่าฉากแอคชั่นมีเยอะกว่าภาคแรก แต่ก็มีช่วงที่ตัวละครต้องฝึกฝนเหมือนเดิม เอฟเฟกต์ฉากสถานที่ต่าง ๆ ดูเนียนสวยงาม แทบไม่มีช่วงที่น่าเบื่อเลย โดยจะมีดราม่าสอดแทรกบ้าง ซึ่งก็ทำได้เข้าถึงอารมณ์ดี ภาคนี้ดูแล้วสงสารสัตว์ชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวดีและดูเกลียดมนุษย์ขึ้นมาทันที

คะแนนส่วนตัว 7/10

อ่านรีวิว Avatar 1 (2009) อวตาร 

รีวิวโดย 刘心爱 


"จากพงไพร สู่วิถีและดินแดนแห่งสายน้ำ"

              เรื่องราวจะเล่าเรื่องหลังจากภาคแรก เมื่อ เจค (Sam Worthington) และเนย์ทีรี (Zoe Saldana) ได้มาอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวซัลลี และมีลูกอีก 3 คน โดยพวกเขาใช้ชีวิตในป่าอย่างสงบสุข จนกระทั่งฝ่ายมนุษย์ได้โคลนนิ่งวายร้ายที่เคยสู้กับเจคและเนย์ทีรีขึ้นมา และออกตามล่าพวกเขา ทำให้ เจค และครอบครัวต้องพากันเดินทางเพื่อนหนีการตามล่าไปยังดินแดนแห่งใหม่ที่ไกลแสนไกล ซึ่งดินแดนแห่งนี้เป็นที่ของเผ่าพันธ์ุน้ำ ที่ใช้ชีวิตอยู่กับสายน้ำและทะเล โดยมี นัล (Kate Winslet) และ โทโนวารี (Cliff Curtis) เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์น้ำที่คอยดูแลพวกเขา เจคและครอบครัวต้องเรียนรู้และปรับตัว เพื่อให้เข้ากับวิถีของชาวบ้านแห่งนี้ที่อยู่อาศัยกับสายน้ำมาทั้งชีวิต และต้องคอยหลบซ่อนจากพวกมนุษย์ที่ถูกส่งมาตามล่าพวกเขาอีกด้วย...

             ในภาคที่ 2 นี้งานภาพ งาน CG ยังสวยงามเหมือนเดิม เรียกได้ว่า ผกก. อย่างเจมส์ คาเมรอน ใส่ใจรายละเอียด CG แบบเก็บทุกเม็ด ซึ่งกว่าจะได้ชมภาคที่ 2 นี้ก็ใช้เวลาการสร้างห่างจากภาคแรก ถึง 10 กว่าปีกันเลย

             ถึงแม้ว่าหนังมันจะทำ CG ออกมาดีมากๆ แต่ส่วนตัวรู้สึกไม่ตื่นเต้นเหมือนภาคแรก นั่นอาจจะเพราะเราได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างมาจากภาคแรกแล้ว ทำให้ความตื่นเต้นที่มีต่อภาค 2 ดร็อปลงไปหน่อย

             ในส่วนของการเล่าเรื่อง ก็ถือว่าดูสนุกน่าติดตามกับความยาวหนังประมาณ 3 ชม. ที่แม้อาจจะมีช่วงเนือยไปบ้างแต่ก็ถูกชดเชยด้วยงาน CG ที่ทำออกมาสวยมากตลอดทั้งเรื่อง

             เอาจริง ๆ ความบันเทิงภาพรวมมันดูสนุกนะ กับหนังแนวผจญภัยที่เราสามารถดูได้เรื่อย ๆ ตลอดทั้งเรื่อง แต่ส่วนตัวแค่รู้สึกว่าความตื่นเต้นลดลงจากภาคแรก อย่างไรก็ตามแต่ เป็นหนังที่ควรหามาดูเพราะแค่ดู CG อย่างเดียวก็คุ้มแล้วครับ

มีฉายผ่าน Streaming online แล้วในช่องทางต่าง ๆ ครับ

คะแนนส่วนตัว 4/5

รีวิวโดย A.L. Lucky

ตัวอย่าง


ขอบคุณภาพจาก 20th Century Studios รูปหน้าปกที่ 1รูปหน้าปกที่ 2รูปหน้าปกที่ 3

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ