วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565

รวม รีวิวหนัง Terrifier อิหนูกูจะฆ่ามึง

 


มีทั้งหมด 3 ภาคได้แก่

1. Terrifier (2017) อิหนูกูจะฆ่ามึง 

                 เป็นภาพยนตร์ American slasher ปี 2016 ที่เขียนบท อำนวยการสร้าง และกำกับโดย Damien Leone นำแสดงโดย David Howard Thornton, Jenna Kanell, Samantha Scaffidi, Catherine Corcoran, Matt McAllister และ Michael Leavy เป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องที่สองของตัวละคร Art the Clown ต่อจากภาพยนตร์กวีนิพนธ์เรื่อง All Hallows' Eve ของ Leone ในปี 2013 ซึ่งรวมเอาฟุตเทจจากภาพยนตร์สั้นเรื่องก่อน ๆ ที่เขากำกับไว้ด้วยและเป็นจุดเด่นของตัวละคร โดยฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์ Telluride Horror Show Film Festival ในเดือนตุลาคม 2016 ก่อนที่ Dread Central Presents และ Epic Pictures จะเลือกเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แบบจำกัดจำนวนในเดือนมีนาคม 2018

               คนใส่ชุดตัวตลกที่ไม่ใช่คนที่แต่งชุดตัวตลกในคืนฮาโลวีน แต่มันคือฆาตกรโรคจิตสุดโหดที่ตำรวจกำลังตามตัว

               เรื่องราวของ ทาร่า และ ดอน ที่เมาและกำลังจะกลับบ้านในคืนฮาโลวีน แต่เทราอยากหาอะไรกินก่อนกลับ จึงได้ชวนดอนแวะร้านพิซซ่าและได้เจอกับตัวตลกที่กวนประสาทพวกเธอ ดอนจึงขอเขาถ่ายรูปด้วยและหลอกล้อเขา ทำให้ทาร่ารู้สึกไม่ดีจึงรีบกินรีบกลับ แต่เมื่อพวกเธอกำลังจะกลับ ยางรถดันแบนและไม่มีอะไหล่เปลี่ยน ทาร่าจึงโทรให้ วิค น้องสาวมารับ โดยในระหว่างรอทาร่าได้เข้าห้องน้ำตามบ้านข้างทางกระทันหันและได้เจอกับตัวตลกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้แค่กวนประสาทเธอ

               เปิดเรื่องด้วยการฉายถึงนักข่าวที่สัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากการสังหารหมู่ในเมืองไมล์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาก่อนฉายถึงหน้าผู้รอดชีวิตที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว และได้พูดถึงตัวตลกที่หายตัวไปจากสำนักงานชันสูตรศพของเมือง โดยได้ตายตอนเช้าหลังเกิดเหตุ จากนั้นก็ฉายถึงตัวตลกก่อนฉายถึงนักข่าวและฉายถึงบางอย่างแปลก ๆ ซึ่งจัดฉากฆ่าโหดตั้งแต่ช่วงเปิดเรื่องเลยและมีฉากโหดใส่เข้ามาตลอดทั้งเรื่องแบบไม่มีตัด จากนั้นก็ตัดเข้าเรื่องฉายถึงตัวละครหลักที่ได้เจอกับตัวตลก ซึ่งตัวตลกทำได้น่าสนใจดี แสดงได้โรคจิตกวนประสาทมาก แอบแฝงความฮาและขำบ้าง จากนั้นจะค่อย ๆ ฉายตัวตลกที่เริ่มลงมือฆ่าคนที่ต้องการแก้แค้นเอาคืน ข่าวฆาตกรรมที่ผู้ต้องสงสัยหลบหนี โดยหลังจากนั้นจะเล่นกับตัวละครหลัก ซึ่งชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวละครดี แต่บางจุดก็ดูแล้วค่อนข้างขัดใจตัวละคร ตอนจบทิ้งท้ายไปสู่ภาคสอง แต่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่

คะแนนส่วนตัว 5.5/10

ตัวอย่าง


2. TERRIFIER 2 (2022) อิหนูกูจะฆ่ามึง 2

              เป็นภาพยนตร์อเมริกัน splatter slasher ที่เขียน กำกับ ตัดต่อ และอำนวยการสร้างโดย Damien Leone เป็นภาคต่อของ Terrifier (2016) และเป็นภาพยนตร์ยาวเรื่องที่สามที่นำแสดงโดย Art the Clown และเรื่องที่สองที่มีชื่อ Terrifier โดยมีการกลับมาของ David Howard Thornton และ Samantha Scaffidi ซึ่งแสดงเป็น Art the Clown และ Victoria Heyes ในภาคแรก นำแสดงโดย Lauren LaVera, Elliott Fullam, Sarah Voigt, Kailey Hyman และ Casey Harnett โดยมีต้นกำเนิดมาจากแนวคิดภาพยนตร์สารคดีที่ Leone เริ่มพัฒนาไม่นานหลังจากถ่ายทำภาพยนตร์สั้นเรื่องแรกของการกำกับเรื่อง The 9th Circle (2009) แนวความคิดของภาพยนตร์ที่วางแผนไว้เน้นไปที่นางเอกในชุดนางฟ้าที่ต่อสู้กับ Art  แต่หลังจากการเปิดตัวของ Terrifier (2016) Leone ต้องการนำนางเอกกลับมาในฐานะตัวเอก เป็น Sienna ซึ่ง Leone อธิบายว่าเป็น "หัวใจและจิตวิญญาณ" ของ Terrifier 2 โดย Leone ใช้เวลาสามเดือน การเขียนบทภาพยนตร์ที่ขับเคลื่อนโดยตัวละคร โดยมีรอบปฐมทัศน์โลกที่งาน FrightFest เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2022 และฉายรอบปฐมทัศน์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2022

                เรื่องราวของ เซียนนา ชอว์ และ โจนาธาน สองพี่น้องที่ได้พบกับ Art the Clown ตัวตลกที่สังหารโหดในไมลส์เคาน์ตี้ ที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากการฆ่าตัวตาย และตอนนี้มันได้ออกฆ่าเหยื่อที่ทำให้มันไม่พอใจอีกครั้ง รวมถึงพวกเขาด้วย

                เปิดเรื่องฉายถึงตัวตลกและตัวละครที่กำลังหนีตัวตลกก่อนถูกฆ่า ซึ่งฉายสลับกันสองช่วงเวลาในช่วงแรก โดยดำเนินเรื่องต่อเนื่องจากภาคแรกเลย ซึ่งฉากฆ่าค่อนข้างโหดขึ้นกว่าเดิมเยอะ ถ่ายให้เห็นแบบชัดเจนไม่มีตัด แต่สีเลือดและฉากฆ่าบางฉากไม่ค่อยสมจริง ดูจะโหดเว่อมากไปหน่อย ตัวตลกยังคงมาสไตล์โรคจิตกวนประสาทและอยู่ในช่วงวันฮาโลวีนเหมือนเดิม ซึ่งภาคนี้เปลี่ยนตัวละครหลักใหม่ แต่มีฉายถึงเรื่องราวจากภาคแรกบ้าง และหนังค่อนข้างยาวขึ้นกว่าภาคแรก แต่ความยาวที่เพิ่มขึ้นกลับเป็นความยืดเยื้อในบางช่วง ซึ่งช่วงแรกจะเป็นการปูที่มาที่ไปของตัวละครหลัก พร้อมกับฉายถึงตัวตลกที่เล่นงานเหยื่อไปด้วย โดยภาคนี้จะมีตัวตลกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนที่โรคจิตไม่แพ้กัน ซึ่งช่วงกลางเรื่องจะตามกวนประสาทตัวละครและค่อย ๆ ฆ่าทีละคนเหมือนเดิม ชวนลุ้นชวนหวาดระแวงดี แต่บางจุดพอเดาเรื่องได้บ้างและมีจุดที่ขัดใจตัวละครหนักกว่าเดิม

คะแนนส่วนตัว 5/10

ตัวอย่าง


3. Terrifier 3 (2024) เทอร์ริไฟเออร์ อิหนูกูจะฆ่ามึง 3 

             เป็นภาพยนตร์สแลชเชอร์เหนือธรรมชาติคริสต์มาสอเมริกันที่เขียนบทและกํากับโดย Damien Leone และนําแสดงโดย Lauren LaVera, David Howard Thornton, Elliott Fullam, Samantha Scaffidi, Antonella Rose, Margaret Anne Florence และ Bryce Johnson โดยเป็นภาคต่อของ Terrifier 2 (2022) และเป็นภาคที่สามในแฟรนไชส์ Terrifier


รูปที่ 4 Terrifier 3 (2024) เทอร์ริไฟเออร์ อิหนูกูจะฆ่ามึง 3

              จากความสําเร็จทางวิจารณ์และเชิงพาณิชย์ของ Terrifier 2 Leone เริ่มเขียนบทภาพยนตร์เรื่องที่สามโดยมีแผนการเล่าเรื่องที่ครอบคลุม โดยต้องการนําเสนอวิกตอเรียให้โดดเด่นมากขึ้น เนื่องจากเขาเสียใจที่ปล่อยให้ตัวละครด้อยพัฒนาในภาพยนตร์เรื่องแรก การถ่ายภาพหลักเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ด้วยงบประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ และสิ้นสุดในเดือนเมษายนนั้น

             ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Fantastic Fest ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2024 และเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม

             เรื่องราวของ เซียนน่า ชอว์ ผู้รอดชีวิตจาก Art the Clown ที่ได้รับการปล่อยตัวจากศูนย์สุขภาพจิต โดยได้มาอยู่กับป้าของเธอ เจส ซึ่งอาศัยอยู่กับ เกร็ก สามีของเธอและ แก๊บบี้ ลูกสาวของพวกเขา เพื่อพยายามสร้างชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่เธอมักจะหลอนเห็น บรู๊ค เพื่อนสนิทที่เสียชีวิตอยู่ตลอด รวมทั้งเห็น Art the Clown 

             เปิดเรื่องฉายถึงตัวละครที่เจอกับฆาตกรตัวตลกในชุดคริสมาสต์ที่บุกรุกเข้ามาในบ้านและฆ่าคนในบ้าน ซึ่งเปิดเรื่องมาก็จัดฉากโหดเลือดสาดเลย ฆ่าทุกคนไม่เว้น จากนั้นก็ตัดเข้าเรื่องในช่วงห้าปีต่อมาฉายถึงตำรวจที่ค้นพบศพก่อนที่จะฉายถึงฆาตกรที่ฟื้นขึ้นมาลงมือฆ่าเหยื่อ ซึ่งยังคงมีฆาตกรสองคนเหมือนภาคสอง ช่วงที่ฉายถึงฆาตกรก็จะเหมือนดูหนังใบ้ จากนั้นก็ตัดมาฉายถึงตัวละครหลัก ซึ่งเป็นตัวละครหลักจากภาคสอง โดยมีตัวละครจากภาคสองบางคนร่วมด้วย ซึ่งช่วงแรกจะต่อเนื่องจากภาคสองถ้าได้ดูภาคสองมาก่อนก็ดี ซึ่งภาคนี้ก็ไม่ได้ต่างจากสองภาคแรกคือเนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรและอยู่ในช่วงวันคริสมาสต์แทนวันฮาโลวีน แต่กว่าฆาตกรจะเริ่มลงมือฆ่าคนก็เข้าไปช่วงกลางเรื่องแล้วและกว่าตัวละครหลักจะเจอก็ช่วงท้ายเรื่อง โดยจะมาก่อกวนกวนประสาทคนอื่นเหมือนเดิม จนเมื่อถูกทำให้โมโหหงิดหงุดก็จะลงมือฆ่าคนนั้น ซึ่งช่วงท้ายเรื่องจะมาเล่นงานตัวละครหลักที่รอดชีวิตมาได้ ชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวละครบ้าง แต่หลายช่วงค่อนข้างน่าเบื่อและพูดคุยกันนานไปหน่อย บางฉากก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ดูเว่อเหมือนเดิม แถมยังจบทิ้งท้ายเหมือนมีต่ออีก

คะแนนส่วนตัว 3.5/10

รีวิวโดย 刘心爱 


"ถ้าคุณชอบภาคก่อนหน้านี้ ภาคนี้ก็จัดความโหดเลือดสาด กับฉากการฆ่าที่โคตรโหดมาเน้นๆ เหมือนเดิม การเล่าเรื่องเริ่มมีวิวัฒนาการจากภาคก่อนๆ แต่ช่วงท้ายภาคนี้ดูรวมรัดและจบง่ายไปหน่อย"

           หลังจากการหลับไหลของ อาร์ท เดอะ คลาวน์ เป็นเวลา 5 ปี มันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงคริสมาสต์ และกำลังมองหาเหยื่อเพื่อมาฆ่าด้วยวิธีการโหดร้าย พร้อมกับเตรียมแก้แค้น 2 พี่น้องที่ทำกับมันในภาคที่แล้ว...

             หลังจากประสบความสำเร็จในภาคก่อนหน้านี้ 2 ภาค ก็ทำให้มีภาคที่ 3 ตามมา โดยในภาคนี้พล็อตหนังยังคงคอนเซ็ปเดิม คือการฆ่าของฆาตกรโรคจิต ที่มีฉากโหดๆ เลือดสาดสุดสยองเหมือนๆ กับภาคก่อน ซึ่งมันเหมาะกับคนที่ชอบหนังแนวนี้และชอบภาคก่อนหน้ามาอยู่แล้ว ใครที่ภูมิต้านทานการดูหนังแหวะๆ เลือดสาดโหดๆ ไม่ดี หรือไม่ชอบหนังแนวนี้อยู่แล้วก็ไม่ขอแนะนำ ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึง Saw กับ Final destination ถ้าไม่ชอบหนังแนวที่ว่ามาก็ให้ข้ามหนังเรื่องนี้ไปเลย

             ในภาคนี้จะเล่าเรื่องราวต่อจากภาค 2 เลย โดยมีการเว้นระยะเวลาไป 5 ปี หลังจากเกิดเหตุในภาคที่ 2 นอกจากเจ้าฆาตกรตัวตลกแล้ว เรายังได้ตัวเอก 2 พี่น้อง และผู้เคราะห์ร้ายจากภาคก่อนๆ กลับมามีบทบาทในภาคนี้อีกครั้ง ซึ่งในภาคนี้ก็ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปีศาจที่มาช่วยเจ้าตัวตลก และประวัติของนางเอกจากภาค 2 เพิ่มเติมด้วย

            นอกจากฉากโหดๆ แหวะๆ ให้เราได้ลุ้นระทึกแล้ว แน่นอนการเล่าเรื่องก็เป็นไปตามสูตรของหนังแนวฆาตกรโรคจิตไล่ล่าเหยื่อ ที่มักจะมีทั้งตัวละครโง่ๆ การกระทำแปลกๆ ที่เอาตัวเองไปตาย รวมถึงช่วงท้ายที่รวบรัดตัดจบง่ายไปหน่อย และก่อนจะปิดท้ายที่ทิ้งปมไว้ให้เดาได้ว่าน่าจะมีภาคที่ 4 ตามมาแน่นอน

คะแนนส่วนตัว 7.5/10

รีวิวโดย A.L. Lucky

ตัวอย่าง 


ขอบคุณภาพจาก Epic Pictures Group รูปหน้าปกที่ 1

ขอบคุณภาพจาก Fuzz on the Lens Productions รูปหน้าปกที่ 2

ขอบคุณภาพจาก themoviedb รูปหน้าปกที่ 3

ขอบคุณภาพจาก IMDb เครดิต Dark Age Cinema รูปที่ 4

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ