วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

รีวิวหนัง The Black Phone (2022) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

 


            The Black Phone (2022) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญเหนือธรรมชาติของอเมริกาปี 2021 ที่กำกับโดย Scott Derrickson เขียนบทโดย Derrickson และ C. Robert Cargill ซึ่งทั้งคู่อำนวยการสร้างร่วมกับ Jason Blum ซึ่งเป็นการดัดแปลงจากเรื่องสั้นปี 2004 ที่มีชื่อเดียวกัน โดย Joe Hill นำแสดงโดย Mason Thames, Madeleine McGraw, Jeremy Davies, James Ransone และ Ethan Hawke การจากไปของ Derrickson จากการกำกับ Doctor Strange in the Multiverse of Madness นำเขาไปสู่ The Black Phone ซึ่งเป็นโครงการที่เขาและ Cargill วางแผนไว้อยู่แล้ว การถ่ายทำใช้เวลาสองเดือนในวิลมิงตันและเทศมณฑลใกล้เคียงในรัฐนอร์ธแคโรไลนา โดยฉายรอบปฐมทัศน์ที่งาน Fantastic Fest เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2021 และเข้าฉายในโรงภาพยนตร์โดย Universal Pictures เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2022 

               ฆาตกรที่มาพร้อมกับลูกโป่งสีดำในรถตู้ชอบลักพาตัวเด็กมาไว้ในห้องที่มีเพียงโทรศัพท์สีดำ มันใช้การไม่ได้ แต่กลับมีคนโทรเข้ามาตลอดเวลา ซึ่งปลายสายนั้นไม่ใช่คนเดียวกัน

              เรื่องราวของ ฟินนี่ย์ เบลค ที่ต้องกลายเป็นเหยื่อถูกลักพาตัวของ แกรบเบอร์ ผู้ลักพาตัวเด็กต่อเนื่อง หลังจากที่มีเด็กรายอื่นหายตัวไปอย่าง โรบิน  อารียาโน่ เพื่อนที่โรงเรียนเขา บรูซ พี่ชาย เอมี่ ยามาดะ และ เอมี่ ยามาดะ เพื่อนเรียนโฮมรูมด้วยกันกับเกว็นโดลิน เบลค น้องสาวของเขา ที่มีสัญชาตญาณในความฝันเหมือนกับแม่ที่เสียไป ซึ่งบางครั้งความฝันของเธอก็เกิดขึ้นจริง โดยเธอได้ฝันแปลก ๆ เห็นพวกเขาถูกลักพาตัวไปโดยชายที่มีลูกโป่งสีดำในรถตู้ นักสืบไรท์และนักสืบมิลเลอร์ จึงมาสอบถามเธอเรื่องคนหาย ซึ่งได้เจอลูกโป่งสีดำสองลูกในที่เกิดเหตุ และในที่เหตุเกิดลักพาตัวกริฟฟิน สแต๊กก็เจอลูกโป่งสีดำหนึ่งลูกด้วย โดยเขาถูกลักพาตัวมาขังไว้ในห้องห้องหนึ่งที่มีโทรศัพท์สีดำแขวนไว้อยู่ ซึ่งแกรบเบอร์บอกว่ามันใช้การไม่ได้ แต่แล้วอยู่ ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่เมื่อเขารับสายกลับเงียบกริบไร้การตอบรับ และไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก คราวนี้เขาจึงขอความช่วยเหลือจากสายนั้น แต่กลับได้รับการตอบกลับด้วยการเรียกชื่อของเขาที่ฟังแล้วดูสยองจนเขาต้องวางสาย แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นระยะไม่ยอมหยุด จนเขาต้องยอมรับสาย ซึ่งรอบนี้ได้บอกเขาว่าอย่าวางสายและบอกว่าเขาคือบรูซ ซึ่งพยายามช่วยเขาหาทางออก แต่พอครั้งต่อไปกลับบอกว่าไม่ใช่เขา แล้วใครกันแน่ที่โทรมา เขาจะหาทางออกไปได้หรือไม่

              เปิดเรื่องด้วยการฉายตัวละครหลักทางเหนือของเดนเวอร์ ปี 1978 ก่อนตัดเข้าเรื่อง ซึ่งช่วงเข้าเรื่องได้มีฉายถึงประกาศคนหายด้วย ซึ่งหนึ่งในคนหายเกี่ยวข้องกับตัวละครหลัก โดยช่วงแรกจะเป็นการฉายถึงตัวละครหลักที่เรียนไปเรื่อยและปูที่มาที่ไปของตัวละคร ซึ่งก็จะเน้นไปที่ตัวละครเด็ก เนื่องจากเหยื่อจะเป็นเด็ก ช่วงแรกค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อย จากนั้นจึงเริ่มฉายถึงตำรวจที่มาสืบสวนเรื่องคนหาย ซึ่งได้พบหลักฐานบางอย่างในที่เกิดเหตุที่เกี่ยวข้องกับความฝันของน้องสาว จากนั้นก็ฉายถึงใครบางคนที่ไม่ได้ถ่ายให้เห็นชัดเจนก่อนที่จะมีข่าวคนหาย จนถึงคิวของตัวละครหลักที่ถูกลักพาตัวบ้าง ซึ่งตัวคนร้ายไม่ได้ถ่ายให้เห็นหน้าชัดเจน โดยจะสวมหน้ากากเป็นหลัก แต่หน้ากากดูหน้าตากวนดี จากนั้นจะเน้นไปที่ตัวละครหลักที่ต้องหาทางออกในห้องขังทั้งเรื่อง ซึ่งหนังจะเล่นกับโทรศัพท์ที่คอยโทรมาตลอดเวลา ซึ่งแรก ๆ ก็ชวนให้หลอนเสียงโทรศัพท์และให้สงสัยหวาดระแวงว่าใครโทรมาและเป็นใครกันแน่ จากนั้นจะเป็นการโทรมาเพื่อช่วยหาทางออกและเตือนบางอย่าง ซึ่งคนที่โทรมาไม่ใช่คนเดียวกันตลอด ส่วนคนร้ายจะเข้า ๆ ออก ๆ ห้องขังไปเรื่อย ซึ่งจะฉายสลับระหว่างตัวละครหลักที่พยายามหาทางออกกับน้องสาวที่ฝันเป็นช่วง ๆ มีช่วงให้ลุ้นบ้างช่วงท้าย ๆ เรื่อง โดยหนังผสมผสานสยองขวัญกับระทึกขวัญ แต่กลับทำได้ไม่ค่อยสยองขวัญและระทึกขวัญเท่าที่ควร

คะแนนส่วนตัว 5.5/10

ตัวอย่าง


ขอบคุณภาพจาก IMDb เครดิต Universal Pictures รูปหน้าปกที่ 1รูปหน้าปกที่ 2

ขอบคุณภาพจาก Universal Pictures รูปหน้าปกที่ 3


ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ