วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565

รีวิวหนัง ABCs of Death 2 (2014) บันทึกลำดับตาย 2

 


               ABCs of Death 2 (2014) บันทึกลำดับตาย เป็นภาพยนตร์ตลกสยองขวัญแนวกวีนิพนธ์อเมริกันที่ผลิตโดย Ant Timpson และ Tim League ประกอบด้วยเรื่องสั้น 26 เรื่อง โดยแต่ละเรื่องจากผู้กำกับที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ เป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง The ABCs of Death ปี 2012 ผู้กำกับประกอบด้วย Jim Hosking, Lancelot Oduwa Imasuen, พี่น้อง Soska, Julian Barrett, Rodney Ascher, Kristina Buožytė, Larry Fessenden, Navot Papushado, Aharon Keshales, Bill Plympton และ Vincenzo Natali โดยการประกวดถูกจัดขึ้นสำหรับบทบาทของผู้กำกับคนที่ 26 ผู้ชนะคือผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ Robert Boocheck ซึ่งส่งหนังสั้นเรื่อง M. 

            โดยเปิดเรื่องจะเป็นเรื่องแรกคือ A is for Amateur กำกับโดย E.L. Katz ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีฉากพูดอะไรมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักฆ่าที่ได้รับการว่าจ้างให้สังหารพ่อค้ายาชื่อดัง แอนดี้ ไนแมน โดยเมื่อมาถึงอาคาร ได้คลานผ่านช่องระบายอากาศ แต่กลับปกคลุมไปด้วยของมีคม ทำให้นักฆ่าติดและเลือดไหลจนตาย จากนั้นก็ตัดมาที่ช่วงสามสัปดาห์ต่อมา กลิ่นของเนื้อเน่านำผู้ที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ของพ่อค้ายาไปหาศพของนักฆ่า ซึ่งตกลงมาจากช่องระบายอากาศ ทำให้ปืนของเขาพุ่งออกไปและฆ่าเป้าหมายของเขา

             เรื่องที่สองคือ B is for Badger (แบดเจอร์) กำกับโดย Julian Barratt เรื่องราวเกี่ยวกับ ปีเตอร์ โคแลนด์ เจ้าของรายการโทแลนด์เวิลด์ ที่กำลังทำรายการเกี่ยวกับสารพิษจากโรงงานไฟฟ้าที่แอนนี่เวอรี่เวลในน็อตติ้งแฮมเชียร์ โดยเรื่องนี้ดำเนินเรื่องด้วยฟาวด์ฟุตเทจ ซึ่งช่วงแรกได้พูดถึงชนบทฉบับอังกฤษอันสมบูรณ์ บ้านของพืชและสัตว์นับพันชนิด รวมถึงโพรงแบดเจอร์อายุถึง 400 ปี ซึ่งตัดผ่านช่วงเนินเขานี้มาหลายชั่วอายุ แต่แล้วสองปีหลังพวกมันหายไป เพราะ สารพิษจากโรงงานไฟฟ้า จากนั้นก็ฉายถึงเสียงบางอย่างในโพรงก่อนที่ตัวละครจะถูกดึงจากในโพรงและถูกคายออกมา

            เรื่องที่สามคือ C is for Capital Punishment (โทษประหาร) กำกับโดย Julian Gilbey เรื่องราวเกี่ยวกับ เฟลตเชอร์ ที่ถูกกล่าวหาและถูกสารตัดสินว่าฆ่า ลูซี่ วิลสัน ที่หายไปกว่าหนึ่งเดือน จึงถูกนำตัวไปประหารในป่า แต่จากรายงานข่าวด่วน เธอยังไม่ตายและได้หนีไปกับแฟนของเธอ ซึ่งมีคนรีบขับรถมาเตือน แต่ดันเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

            เรื่องที่สี่คือ D is for Deloused (กำจัดเหา) กำกับโดย Robert Morgan เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเกี่ยวกับชายคนหนึ่งถูกขังอยู่ในห้องและต้องกำจัดเหา ซึ่งดูแล้วกลับออกตลก ๆ มากกว่า

             เรื่องที่ห้าคือ E is for Equilibrium (ดุลยภาพ) กำกับโดย Alejandro Brugués เรื่องเกี่ยวกับคนเรือแตกสองคนที่ใช้ชีวิตอย่างน่าเบื่อ แต่เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งมาเกยตื้นที่ชายหาด จึงทำให้พวกเขาทะเลาะกันด้วยความอิจฉาและฆ่าผู้หญิงแทน ซึ่งก็ดูแล้วน่าเบื่อตามเนื่อเรื่อง

             เรื่องที่หกคือ F is for Falling (ล่วงหล่น) กำกับโดย Aharon Keshales และ Navot Papushado เรื่องราวของหญิงชาวอิสราเอลที่โดดร่มลงมาจากเครื่องบินและมาติดอยู่บนต้นไม้ จนเมื่อเด็กชายชาวอาหรับมาพบ เธอจึงพูดให้เขาปีนขึ้นมาตัดเชือกให้เธอลงมา แต่เมื่อเขาตัดเชือก เธอได้ตกลงมา แต่มันทำให้เธอขาหัก ซึ่งในหนังบอกว่าต้นไม้สูง พอตกลงมาจึงทำให้ขาหัก ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากตอนถ่ายให้เห็น จุดที่ตัวละครติดอยู่บนต้นไม้นั้นไม่สูงเลย

          เรื่องที่เจ็ดคือ G is for Grandad (คุณปู่) กำกับโดย Jim Hosking เรื่องราวของหลานชายที่อยู่กับปู่ของเขามาหนึ่งปี แต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นปู่นอนอยู่ใต้เตียงของเขามาตลอด ซึ่งจากการนอนของเขา ทำให้ปู่นอนไม่หลับ และในที่สุดเขาก็รู้ความลับที่แท้จริงของปู่ 

             เรื่องที่แปดคือ H is for Head Games (เกมจิตวิทยา) กำกับโดย Bill Plympton เรื่องราวของชายหญิงสองคนที่กำลังจูบกันจนส่วนต่าง ๆ บนในหน้ากลายเป็นอาวุธเข้าใส่หากัน เรื่องนี้เป็นแอนิเมชั่นสั้นที่ไม่มีพูดคุยกันเลย เนื้อหาก็มีอยู่ตามเนื้อเรื่องเลย

            เรื่องที่เก้าคือ I is for Invincible (คงกระพัน) กำกับโดย Erik Matti เรื่องราวของแม่ชราที่อยู่มา 120 ปี โดยถูกลูก ๆ ของเธอจับมัดไว้กับเก้าอี้ทรมานให้เธอตาย เพื่อต้องการมรดก แต่ทำยังไงเธอก็ไม่ตาย ซึ่งก็เป็นไปไม่ค่อยได้เท่าไหร่

            เรื่องที่สิบคือ J is for Jesus (พระเยซู) กำกับโดย Dennison Ramalho เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ชอบเพศเดียวกันได้ถูกจับตัวและถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจจอมหลอกลวง มีเชื้อร้ายในตัว จึงนำตัวมาทำการรักษาและทำพิธีขับไล่ปีศาจออกไปในนามของพระเยซู

            เรื่องที่สิบเอ็ดคือ K is for Knell (ลางร้าย) กำกับโดย Kristina Buožytė และ Bruno Samper เรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังทาสีเล็บเท้าอยู่ในอพาร์ตเมนต์ได้ยินเสียงแปลกประหลาดข้างนอก จึงเปิดหน้าต่างดูและก็ได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เป็นของเหลวสีดำเคลื่อนตัวเป็นวงกลมที่เกิดขึ้นเหนืออพาร์ตเมนต์ตรงข้าม จากนั้นคนในอพาร์ตเมนต์แห่งนั้นก็เกิดการต่อสู้กันและผู้ชนะทั้งหมดก็หยุดมองมาที่เธอก่อนที่ของเหลวสีดำจะเข้ามายังอพาร์ตเมนต์ของเธอเช่นกัน ซึ่งบางฉากก็ทำได้หลอนชวนลุ้นดี

            เรื่องที่สิบสองคือ L is for Legacy (มรดก) กำกับโดย Lancelot Oduwa Imasuen เรื่องราวของ โอเดมาน ที่ได้รับมอบหมายจากราชินีเอซาโกว่าให้นำลูกชายของเขาไปบูชายันต์ เพื่อให้ผู้หญิงในฮาเร็มต้องมีลูกชายเพิ่ม แต่เขาไม้ได้ทำตามคำสั่งและได้สั่งแก้มัด เนื่องจากราชินีวางแผนจะเป็นแม่ของราชาอูบิดิแลนคนต่อไป โดยได้ฆ่าหนูและใช้เลือดหนูอาบไว้บนดาบแทน ทำให้ปีศาจอูบินีได้ปรากฎตัวในหมู่บ้านและฆ่าผู้คน ซึ่งอูบินี ดูตลก ๆ ลอย ๆ ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ

            เรื่องที่สิบสามคือ M is for Masticate (เคี้ยว) กำกับโดย Robert Boocheck เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เปลือกายเหลือแต่กางเกงในวิ่งไปตามถนน พร้อมทั้งผลักคนที่ขวางทางออกก่อนที่จะกัดทำร้ายคนเหล่านั้น จึงถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ซึ่งแต่ละฉากค่อนข้างสโลว์โมชั่นไปหน่อย จากนั้นก็ตัดมาที่สามสิบสี่นาทีก่อนหน้าสั้น ๆ 

             เรื่องที่สิบสี่คือ N is for Nexus กำกับโดย Larry Fessenden เรื่องราวอุบัติเหตุการชนกันที่สี่แยกไฟจราจรจนเสียชีวิตระหว่างชายคนหนึ่งที่แต่งตัวสวมหน้ากากแฟรงเกนสไตน์ที่รีบไปพบกับแฟนสาวในชุดเจ้าสาวในวันฮาโลวีน นักธุรกิจหญิงที่กำลังรีบร้อนเร่งคนขับแท็กซี่และพ่อลูกในชุดฮาโลวีนที่จะไปหาแม่เก่า ซึ่งจะค่อย ๆ ฉายตัวละครแต่ละคนก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ

             เรื่องที่สิบห้าคือ O is for Ochlocracy (mob rule กฎหมู่) กำกับโดย Hajime Ohata เรื่องราวของ จำเลยคานะ มิยาซากิ ที่ถูกกล่าวหาว่าได้ก่อเหตุฆาตกรรมในช่วงที่เกิดโรคระบาดใกล้ตายและได้ยิงลูกสาว โดยก่อเหตุแบบนี้แม้ว่าจะมียาซีคิวตัวใหม่ที่รักษาผู้ติดเชื้อได้ จึงถูกเสนอโทษประหาร แม้ว่าเธอจะบอกว่ายายังไม่ถูกพัฒนาและเธอพยายามป้องกันตัวเองจากคนเหล่านั้นที่พยายามฆ่าเธอก็ตาม เรื่องนี้เป็นหนังแนวซอมบี้ที่มนุษย์กลายเป็นจำเลยฝ่ายผิดที่ต้องถูกประหาร เนื่องจากได้ฆ่าซอมบี้

             เรื่องที่สิบหกคือ P is for P-P-P-P SCARY! (น่ากลัว) กำกับโดย Todd Rohal เรื่องราวของ เคอร์บี้, พับพี้ และ บาร์ต ที่อยู่ในความมืด โดยมีเพียงแสงไฟจากโคมไฟที่พวกเขาถือ ได้พบกับชายคนหนึ่ง จากนั้นเขาก้เต้นและเข้ามาเป่าเทียน คนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยหายตัวไปเหลือเพียงเคอร์บี้ ซึ่งดูแล้วออกตลกติงต๊องไม่ค่อยมีสาระอะไร

              เรื่องที่สิบเจ็ดคือ Q is for Questionnaire (แบบสอบถาม) กำกับโดย Rodney Ascher เรื่องราวของหญิงที่ทำการทดสอบสติปัญญาของชายคนหนึ่ง ซึ่งการทดสอบผ่านไปได้ด้วยดี เขาได้คะแนนเต็ม เธอจึงแนะนำให้เขาไปด้วยกันกับเธอตอนนี้ เพื่อคุยโอกาสด้านอาชีพ โดยหนังได้ฉายถึงตัวละครที่นั่งทดสอบกัน พร้อมทั้งฉายถึงเรื่องราวอีกเหตุการณ์หนึ่งของตัวละครทั้งสอง ซึ่งเป็นการผ่าตัดสมองมนุษย์เปลี่ยนถ่ายกับสัตว์

              เรื่องที่สิบแปดคือ R is for Roulette (รูเล็ต) กำกับโดย Marvin Kren เรื่องราวของ ไมเคิล, นีน่า และ เคลาส์ ที่ผลัดกันทดสอบกระสุน โดยการยิงตัวเองในห้องใต้ดิน แต่ก็ไม่มีใครได้รับกระสุน แต่แล้วไมเคิลก็ได้ลั่นไกยิงนีน่า ซึ่งก็ฉายตัวละครที่ผลัดกันยิงตัวเองไปมา

             เรื่องที่สิบเก้าคือ S is for Split (แย่) กำกับโดย Juan Martinez Moreno เรื่องราวของ โรเบิร์ต ที่กำลังเดินทางไปทำธุรกิจในฝรั่งเศสและโทรหา มิเรียม ภรรยาของเขา ซึ่งอยู่ในบริเตน จากนั้นก็มีเสียงออดในบ้านของ มิเรียม และฉายถึงผู้บุกรุกที่ใช้ค้อนพังประตูบุกเข้าไปในบ้านของมิเรียมและไล่ตามเธอ โรเบิร์ตจึงรีบโทรหาตำรวจอังกฤษ เพื่อให้ส่งคนไปช่วย แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว โดยหนังได้ฉายให้เห็นภาพเหตุการณ์พร้อมกันระหว่างสามีและภรรยา รวมทั้งคนร้าย

             เรื่องที่ยี่สิบคือ T is for Torture Porn (หนังโป๊ซาดิส) กำกับโดย Jen and Sylvia Soska เรื่องราวของ ยูมิ ที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์ตามที่บอกและถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออก เพื่อดูร่างกายตามที่ผู้กำกับกำชับมา แต่แล้วพวกเขาก็เห็นบางอย่างที่ทำให้ต้องแปลกใจก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่า 

              เรื่องที่ยี่สิบเอ็ดคือ U is for Utopia (ดินแดนอุดมคติ) กำกับโดย Vincenzo Natali เรื่องราวของ ชายรูปร่างอ้วนคนหนึ่งที่ได้สะดุดล้มลง ผู้คนแถวนั้นจึงได้นำมือถือขึ้นมาสแกนใบหน้าเขา ซึ่งระบุว่าเป็นประเภทที่หกตำกว่ามาตรฐาน ไม่นานก็มีหุ่นยนต์ปรากฏขึ้นและดึงเขาเข้าไปเผา เรื่องนี้จะไม่มีฉากพูดเลย

              เรื่องที่ยี่สิบสองคือ V is for Vacation (พักร้อน) กำกับโดย Jerome Sable เรื่องราวของ เคิร์ต ที่กำลังวิดีโอแชทคุยกับ แอมเบอร์ แฟนของเขาในที่พักนอกห้องระหว่างกำลัีงพักร้อนกับเพื่อน จากนั้น ดีแลน ก็เข้ามาแย่งมือถือแล้วขัง เคิร์ต ไว้ข้างนอก พร้อมทั้งพาทัวร์ห้องพักด้วยการเปิดเผยความลับไม่ดีของเขา ทำให้เกิดเหตุฆ่ากันขึ้น

              เรื่องที่ยี่สิบสามคือ W is for Wish (คำอธิษฐาน) กำกับโดย Steven Kostanski เรื่องราวของ เด็กชายสองคนที่กำลังเล่นหุ่นฟิกเกอร์เกี่ยวกับเจ้าชายคาสิโอและแฟนตาซีแมนที่ต่อสู้กับซอร์บผู้ชั่วร้าย โดยได้เข้ามาอยู่ในช่วงนั้นและถูกจับ แต่ได้รับความช่วยเหลือจากแฟนตาซีแมน ซึ่งเป็นหนังแนวโฆษณาของ Champions of Zorb ในยุค 90 ที่ดูแล้วตลก ๆ 

              เรื่องที่ยี่สิบสี่คือ X is for Xylophone (ไซโลโฟน) กำกับโดย Julien Maury and Alexandre Bustillo เรื่องราวของ ยายที่กำลังนั่งดูหลานเล่นระนาด พร้อมทั้งฟังแผ่นเสียงเพลงไปด้วย แต่อยู่ ๆ หลานของเธอก็ได้เล่นยั่วโมโหเธอ ทำให้เธอโมโหลงมือฆ่าหลาน

              เรื่องที่ยี่สิบห้าคือ Y is for Youth (วัยรุ่น) กำกับโดย Soichi Umezawa เรื่องราวมิยูกิที่เขียนข้อความถึงพ่อแม่เกี่ยวกับความเสียใจที่ทำให้สุนัขของเธอต้องตาย รวมทั้งปัญหาต่าง ๆ ที่เธอเก็บกฎมานาน โดยหนังฉายถึงตัวละครที่กำลังเขียนข้อความ พร้อมกับพ่อแม่ที่ถูกลงโทษด้วยสิ่งที่ทำกับตัวละคร

             เรื่องที่ยี่สิบหก (เรื่องสุดท้าย) คือ Z is for Zygote (ไซโกท) กำกับโดย Chris Nash เรื่องราวของ หญิงมีครรภ์คนหนึ่งที่ถูกสามีทิ้งไว้คนเดียวเป็นเวลา 13 ปี จนทำให้เด็กโตในท้องและอยากออกไปข้างนอก ซึ่งการที่อยู่ในท้อง สามารถพูดคุยได้ ดูเป็นไปไม่ได้

             โดยแต่ละเรื่องจะเป็นเรื่องสั้น ๆ ที่เน้นตลก ๆ แบบไม่ค่อยมีสาระหรือความเป็นไปได้เท่าไหร่เนื้อหาอะไรและไม่ได้เปิดเผยที่มาที่ไปอะไรมาก ซึ่งบางเรื่องก็ไม่มีเรื่องราวอะไรน่าสนใจเลยและไม่ค่อยเข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ บางเรื่องก็เหมือนหนังใบ้ที่ไม่มีฉากพูด โดยจะเน้นฉากโหดเป็นหลัก แต่บางเรื่องก็ไม่ได้โหดมาก

คะแนนส่วนตัว 1.5/10

ตัวอย่าง 


ขอบคุณภาพจาก IMDb เครดิต Drafthouse Films รูปหน้าปกที่ 1
รูปหน้าปกที่ 2


ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ