วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564

รีวิวหนัง Halloween Kills (2021) ฮาโลวีนสังหาร

 


               Halloween Kills (2021) ฮาโลวีนสังหาร เป็นภาพยนตร์แนวสแลชเชอร์อเมริกันที่กำกับโดย David Gordon Green และเขียนโดย Green, Danny McBride และ Scott Teems ซึ่งเป็นภาคต่อของ Halloween ปี 2018 และภาคที่สิบสองในแฟรนไชส์
Halloween โดย Jason Blum ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างในภาพยนตร์ผ่านแบนเนอร์ Blumhouse Productions ร่วมกับ Malek Akkad และ Bill Block ซึ่งการพัฒนาเริ่มขึ้นทันทีในเดือนตุลาคม 2018 ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 Teems ได้รับการว่าจ้างให้ร่วมเขียนบทและชื่อภาพยนตร์ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม 2019 การถ่ายภาพหลักเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน 2019 ในเมืองวิลมิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา เปิดตัวรอบปฐมทัศน์โลกที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสครั้งที่ 78 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2021 เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2021 โดย Universal Pictures และสตรีมในระดับ Peacock แบบชำระเงินเป็นเวลา 60 วัน นำแสดงโดย Jamie Lee Curtis, James Jude Courtney, Judy Greer, Andi Matichak, Will Patton, Anthony Michael Hall และ Thomas Mann โดยภาคต่อ Halloween Ends มีกำหนดเข้าฉาย 14 ตุลาคม 2022

            เรื่องราวของครอบครัว ลอรี่ สโตรด, แคเร็น เนลสัน และ แอลลิสัน เนลสัน ที่ทำกับดักเผาไมเคิล ไมเยอร์สด้วยการขังไว้ในห้องใต้ดิน แต่เขากลับหนีออกมาได้ระหว่างที่นักดับเพลิงกำลังดับไฟและฆ่าพวกเขาตายก่อนที่จะตามเล่นงานเหยื่อรายอื่น ๆ แคเมรอน แฟนของแอลลิสัน จึงชวนแอลลิสันเข้าร่วมกลุ่มกับทอมมี่ที่กำลังจัดกลุ่มคนในแฮดดอนฟิลด์ที่สนใจตามล่าไมเคิล ไมเยอร์ส ซึ่งเธอก็สนใจ โดยคืนนี้พวกเขาจะร่วมกันหยุดไมเคิล ไมเยอร์สให้ได้ด้วยการเล่นเกมส์ของมันและทำสิ่งที่คาดไม่ถึง พวกเขาจะกำจัดไมเคิล ไมเยอร์สได้สำเร็จหรือไม่

            เปิดเรื่องด้วยการฉายถึงเรื่องราวในวันที่ 31 ตุลาคม 1978 ซึ่งเป็นช่วงที่ตำรวจกำลังออกตามจับฆาตกรไมเคิล ไมเยอร์ส ที่ได้ฆ่าวัยรุ่นสามคน ซึ่งทำได้ชวนลุ้นดี จากนั้นก็ตัดเข้าเรื่องฉายถึงตัวละครตอนโตที่เคยเจอกับฆาตกรในช่วงเปิดเรื่อง ก่อนที่จะตัดมาที่ตัวละครในภาคแรกที่รอดมาได้ ซึ่งดำเนินเรื่องต่อเนื่องกันเลย เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากเหมือนเดิม แต่ยังคงใช้ดนตรีประกอบเหมือนเดิมและฉากฆ่าที่โหดขึ้น โดยมีเล่าถึงเรื่องราวของฆาตกรและเรื่องราวในภาคแรกบ้างเล็กน้อย จากนั้นก็ฉายถึงเหยื่อที่ต้องเจอกับฆาตกรเป็นช่วง ๆ ซึ่งเดาเรื่องได้ไม่ยากและบางช่วงค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อย โดยช่วงกลางเรื่องเป็นต้นไปจะเป็นช่วงที่ตัวละครออกตามล่าฆาตกร พร้อมทั้งเปิดเผยเรื่องราวในช่วงเปิดเรื่องด้วยการฉายย้อนตัดไปมาและสรุปเรื่องราวก่อนจบ ซึ่งชวนลุ้นดี แต่ฆาตกรอึดเว่อร์เกินไปหน่อย

คะแนนส่วนตัว 5.5/10

ตัวอย่าง


 

ขอบคุณภาพจาก Miramax รูปหน้าปกที่ 1

ขอบคุณภาพจาก Blumhouse Productions รูปหน้าปกที่ 2

ขอบคุณภาพจาก Universal Pictures รูปหน้าปกที่ 3

ไม่มีความคิดเห็น:

ป้ายกำกับ