ไททานิค ตำนานเรื่องราวความรักอมตะอันลึกซึ้งบนเรือที่ไม่มีวันจม ต่อให้กาลเวลาผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน เรื่องราวความรักนี้ก็ยังคงอยู่ต่อไปและไม่มีวันหายสาปสูญจวบจนชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใดที่ได้กลับมาดูอีกครั้งก็ยังคงสนุกและซาบซึ้งไม่มีวันลืมเลือน
Titanic (1997) ไททานิค เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกและภัยพิบัติของอเมริกาที่กำกับเขียนบทร่วมอำนวยการสร้างและร่วมเรียบเรียงโดย James Cameron โดยผสมผสานทั้งแง่มุมทางประวัติศาสตร์และเชิงสมมติ โดยอิงจากเหตุการณ์จริงจากการจมน้ำของ RMS Titanic นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio และ Kate Winslet
เรื่องราวของคู่หนุ่มสาวต่างชนชั้นฐานะระหว่างโรส เดวิตต์ บูคาเตอร์ สาวอเมริกันชนชั้นสูงวัย 17 ปี ที่อยู่ภายใต้สังคมที่มีแต่ความคาดหวังอย่างเข้มงวดในสังคมยุคเอ็ดเวิร์ด ได้ตกหลุมรักกับ แจ็ค ดอว์สัน หนุ่มนักวาดภาพชนชั้นต่ำสุดของเรือที่มีแต่ความร่าเริงที่บังเอิญเล่นการพนันชนะจึงได้เงินจ่ายค่าตั๋วขึ้นเรือไททานิค พวกเขาจึงได้พบรักกันบนเรือไททานิคที่ได้ชื่อว่าเป็นเรือโดยสารที่ไม่มีวันจม เรือที่ได้รับการออกแบบให้มีความสะดวกสบายและความหรูหราที่สุด โดยบนเรือจะมีทั้งยิมเนเซียม สระว่ายน้ำ ห้องสมุด ภัตตาคารชั้นสูงและห้องจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีโทรเลขไร้สายทรงพลัง ซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่อความสะดวกของผู้โดยสาร มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ก้าวหน้าอย่างห้องกันน้ำและประตูกันน้ำที่ทำงานด้วยรีโมต แต่ต่อให้เรือจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีแค่ไหนก็ไม่อาจต้านแรงน้ำเมื่อเรือได้ชนกับภูเขาน้ำแข็งได้ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่พอดีกับหมอกลงจัด ทำให้พวกเขามองไม่เห็นข้างหน้า ทำให้เรือแตกและน้ำค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ข้างในเรือจนเรือค่อย ๆ จมลงสู่ทะเล
รูปที่ 1 เรือไททานิค
โดยเปิดเรื่องจะเล่าถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ทำการสำรวจขุดค้นซากโบราณจากเรือไททานิคที่จมลงสู่ทะเลและได้ค้นพบสิ่งของวัตถุมีค่าต่าง ๆ มากมายในเรือ
จากนั้นหนังก็จะดำเนินเรื่องด้วยการเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องผ่านตัวละครหลักของเรื่องก็คือ โรส เดวิตต์ บูคาเตอร์ ตัวจริงในวัยชรา
ของเรื่อที่รอดชีวิตจากเรือมาได้
รูปที่ 2 โรส เดวิตต์ บูคาเตอร์ตัวจริงในวัยชรา
ซึ่งเมื่อเริ่มเข้าสู่หนัง จะเปิดเรื่องมาด้วยดนตรีจากเพลงไททานิค ที่เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นหนังไททานิคแน่นอน เพลงที่มีเนื้อหาที่ไพเราะกินใจ ฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งถึงความรักของพวกเขา โดยเรือไททานิคในหนังเป็นเรือที่ได้จำลองมาจากเรือไททานิคของจริง ซึ่งเรือและบรรยากาศบนเรือดูยิ่งใหญ่สวยงามตระการตามากสมกับที่เป็นเรือโดยสารสุดหรู โดยในช่วงแรก ๆ ไปจนถึงกลางเรื่องจะเน้นเรื่องราวความรักของตัวละครหลักทั้งสองคน จนค่อย ๆ สานความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักจนรู้จักสนิทสนมและชอบกัน โดยความรักของพวกเขาเริ่มจากการที่แจ็ค ดอว์สัน ได้นั่งวาดภาพผู้คนบนเรือจนได้เห็น โรส เดวิตต์ บูคาเตอร์ เดินผ่านมาพอดี ซึ่งเมื่อเขาได้เห็นก็รู้สึกตกหลุมรักในความงามของเธอ จึงได้วาดภาพของเธอ แต่แล้วโชคชะตาก็ได้ให้พวกเขามาพบกันอีก เมื่อโรส เดวิตต์ บูคาเตอร์ คิดฆ่าตัวตายโดยการกระโดดน้ำ ซึ่งแจ็ค ดอว์สัน ได้เข้าช่วยเธอไว้ได้ทัน และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เจอกันอีกครั้ง พูดคุยกันถูกคอ มีนิสัยและหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกัน ทำให้พวกเขาเริ่มแอบชอบกัน จนค่อย ๆ เกิดเป็นความรักอมตะอันลึกซึ้ง ซึ่งต่อให้มีอุปสรรคใด ๆ มาขวางกั้น แม้กระทั่งหายนะเรือไททานิคที่กำลังจมสู่ท้องทะเล พวกเขาก็จะไม่แยกจากกันและต้องรอดไปด้วยกัน ตัวละครทุกคนในเรื่องคัดมาได้ลงตัว แถมแสดงดีสมบทบาท ดูแล้วทำให้ยิ้มและหัวเราะตามไปด้วย
รูปที่ 3 แจ็ค ดอว์สัน และ โรส เดวิตต์ บูคาเตอร์ นักแสดงนำในเรื่อง
รูปที่ 4 ฉากสุดโรแมนติกของพระนางในเรื่องที่เป็นต้นแบบของหนุ่มสาวหลายๆคนบนเรือ
โดยตลอดทั้งเรื่องจะมีการสอดแทรกดนตรีประกอบเป็นระยะ ซึ่งดนตรีประกอบทำได้ดี ไพเราะเข้าทำนอง ฟังแล้วรู้สึกซึ้งดี ยิ่งช่วงที่เป็นฉากดราม่าในตอนท้าย ๆ เรื่องที่เรือกำลังจะจม ทุกคนกำลังเอาชีวิตรอดบนเรือ กลุ่มคนที่ยอมพลีชีพบนเรือ ฟังแล้วยิ่งซึ้งมาก จากนั้นเมื่อดำเนินเรื่องมาถึงช่วงท้าย ๆ เรื่องในช่วงที่เรือชนกับภูเขาน้ำแข็ง หนังก็ค่อย ๆ เข้มข้นลุ้นระทึกขึ้นเรื่อย ๆ จนดึงให้คนดูลุ้นเอาใจช่วยตัวละครหลักตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งตอนจบ จบได้ซึ้งกินใจสุด ๆ ดูแล้วสงสารตัวละคร
รูปที่ 5 ภาพเรือไททานิคที่กำลังจะจม
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง Titanic (1997) ไททานิค จะเป็นภาพยนตร์ที่เก่า แต่ว่าสามารถทำออกมาได้ดีมาก ไม่แพ้ภาพยนตร์สมัยใหม่เลย เป็นภาพยนตร์โรแมนติกที่ผสมผสานดราม่าระทึกขวัญได้ลงตัว เป็นตำนานความรักอมตะอันลึกซึ้งบนเรือที่ไม่มีวันจม ที่แม้ว่าจะกาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่ก็อยู่ในใจของคนทุกคนไม่มีวันลืมเลือน แม้กระทั่งเพลงภาพยนตร์ก็ยังคงถูกนำมาใช้ตลอดกาล
คะแนน 9/10
ตัวอย่าง
ขอบคุณภาพจาก Fecebook Titanic รูปหน้าปกที่ 1 / รูปหน้าปกที่ 2 (รูปที่ 1) / รูปหน้าปกที่ 3 / รูปที่ 2 / รูปที่ 3 / รูปที่ 4 / รูปที่ 5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น