The Empty Man (2020) เป่าเรียกผี เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญสยองขวัญเหนือธรรมชาติของอเมริกาที่เขียนกำกับและเรียบเรียงโดย David Prior ซึ่งสร้างจากนิยายภาพของ Cullen Bunn และ Vanesa R. Del Rey ที่มีชื่อเดียวกัน ตีพิมพ์โดย Boom! Studios นำแสดงโดย James Badge Dale, Marin Ireland, Stephen Root, Ron Canada, Robert Aramayo, Joel Courtney และ Sasha Frolova
เรื่องราวของอดีตนักสืบนอกเครื่องแบบที่ต้องมาตามสืบคดีการหายตัวไปอย่างลึกลับของหญิงสาวคนหนึ่งที่เขารู้จัก ซึ่งในที่เกิดเหตุพบเพียงเบาะแสที่ว่า The Empty Man เป็นผู้สั่งให้ทำ เขาจึงต้องตามสืบจากบุคคลที่ใกล้ชิดเธอ ซึ่งก็คือเพื่อนของเธอ แต่เขากลับพบเพื่อนของเธอเพียงคนเดียว และต่อมาเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเพื่อน ๆ ของเธอล้วนตายกันหมด แต่ก็ยังไม่พบตัวเธอ เขาจึงต้องสืบหาต่อไป จนในที่สุดเขาก็ได้เข้าไปพัวพันกับ The Empty Man ซะเอง เธอหายตัวไปไหน เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเธอ The Empty Man เป็นใครกัน ใครอยากเจอ The Empty Man ขอท้าให้มาลองดี เดินไปบนสะพานร้างหากพบเจอขวดให้นำมาเป่าพร้อมนึกถึง The Empty Man วันแรกจะได้ยินเสียงของเขา วันที่สองจะเห็นเขา และวันสุดท้ายเขาจะหาคุณเจอ
เปิดเรื่องได้น่าสนใจ ดูลึกลับชวนติดตามดี ด้วยการฉายถึงตัวละครกลุ่มหนึ่งที่เดินทางขึ้นเขามาเที่ยวยังเขาแห่งหนึ่งในภูฏาน ที่ต้องไปพัวพันกับ The Empty Man โดยการดำเนินเรื่องผ่านไปทีละวันเป้นเวลาสามวัน จากนั้นก็ตัดเข้าเรื่องฉายถึงตัวละครหลักก่อนที่จะตามสืบคดีคนหาย ซึ่งช่วงนี้เป็นต้นไปหนังจะเน้นไปที่การสืบสวนตามหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับตัวละครที่หายตัวไปแทบทั้งเรื่อง ซึ่งก็จะมีฉายถึงเรื่องราวในอดีตของตัวละครหลีกบ้าง โดยเบาะแสที่พบเจอล้วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเรื่องราวของ The Empty Man ทั้งสิ้น จนเมื่อตัวละครได้ทำบางอย่างที่ทำให้ต้องเข้าไปพัวพันกับ The Empty Man ก็เริ่มดำเนินเรื่องผ่านไปทีละวันเป็นเวลาสามวันเช่นเดียวกับช่วงเปิดเรื่องและเกิดเหตุการณ์เหมือนกัน ซึ่งบางจุดก็พอเดาเรื่องได้บ้าง โดยหนังจะดำเนินเรื่องด้วยตัวละครนักสืบเป็นหลัก ชวนลุ้นไปพร้อมกับตัวละครกับการตามสืบสวนตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งก็ค่อย ๆ เปิดเผยเรื่องราวทีละน้อยจากการตามสืบสวนนั่นเอง ซึ่งบางช่วงจะเน้นบรรยากาศมืด ๆ หลอน ๆ มีตุ้งแช่บ้าง มีช่วงที่น่าเบื่อพูดกันนานบ้างเล็กน้อย แต่ก็ชวนติดตามจนจบ ซึ่งตอนจบก็ทำเอาอึ้งเลยทีเดียว
คะแนน 6.5/10
ตัวอย่าง
ขอบคุณภาพจาก 20thcenturystudios รูปหน้าปกที่ 1
ขอบคุณภาพจาก Facebook รูปหน้าปกที่ 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น